“หมอหทัย” เผยการลอบขายบุหรี่เกลื่อนเน็ต เร่งประสานไอซีที ใช้โปรแกรมตรวจจับ
“หมอหทัย” เผยกระบวนการลอบขายบุหรี่เกลื่อนเน็ต พบกว่า 600เว็บ ล่อวัยรุ่นแห่ซื้อ ยั่วยุสารพัด ศจย.-สสส. เร่งประสานไอซีที ใช้โปรแกรมตรวจจับเว็บลักลอบขาย ชี้ทำลายสุขภาพ เสียรายได้เข้ารัฐ
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย และประธานรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบโลกขององค์การอนามัยโลก 2550- 2551 กล่าวว่า สถานการณ์การบริโภคยาสูบของคนไทยล่าสุดในปี2555ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20ปี ที่ประเทศไทยมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีจำนวนนักสูบลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง สาเหตุที่ทำให้อัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น เกิดจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งเกิดจากความล้มเหลวในการดำเนินมาตรการควบคุมยาสูบของไทย โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย โดยพบการขายบุหรี่ทางอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้กลุ่มเด็กและเยาวชนที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องการทางสื่อสารหลักเข้าถึงบุหรี่ได้ง่ายขึ้น
“มาตรการควบคุมที่รัฐบาลไทยสามารถทำได้แต่ยังไม่ได้ทำคือ ต้องมีระบบการตรวจสอบเพื่อริบและทำลายบุหรี่ที่ซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต ทำข้อตกลงกับบริษัทบัตรเครดิต ไม่รับการจ่ายเงินทางบัตรเครดิตเพื่อซื้อขายบุหรี่ สั่งไปรษณีย์ไม่รับส่งบุหรี่ และออกกฎหมายควบคุมการขายบุหรี่ทางอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม ทั้งนี้ เร็วๆ นี้ผมจะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำไปสู่การออกประกาศกระทรวงเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมามีประเด็นที่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ทันทีคือ การห้ามโฆษณาทุกรูปแบบ แต่ยังไม่พบกว่ามีการเอาผิดทางกฎหมายแม้แต่คดีเดียว” นพ.หทัยกล่าว
นพ.หทัย กล่าวว่า การขายบุหรี่ขายผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ถือเป็นการทำงานผิดกฎหมายทั้งสิ้น เพราะบุหรี่เหล่านี้ไม่มีภาพคำเตือนบนซอง มีราคาต่ำ และไม่เสียภาษี ส่งผลเสียต่อไทยทั้งด้านสาธารณสุขและการคลังของประเทศ ตัวอย่างที่สหรัฐอเมริกา พบว่า 93.6%ของเยาวชนในสหรัฐฯ สามารถซื้อบุหรี่ได้จากอินเตอร์เน็ต ทำให้สหรัฐฯ ต้องเสียภาษีที่พึงได้ ปีละ 1หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้านดร.พิจิตรพงศ์ สุนทรพิพิธ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์วิจัยและจัดการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำวิจัยเรื่องธุรกิจการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบทางอินเทอร์เน็ต จากผลวิจัยพบว่า เว็บไซต์ขายบุหรี่เริ่มเกิดขึ้นมานานกว่า 5ปีแล้ว และล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2555พบเว็บไซต์ขายบุหรี่ จำนวน 630เว็บไซต์ ส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ที่อยู่ในประเทศไทย โดยสินค้าจะเป็นบุหรี่จากต่างประเทศ แต่งรส แต่งกลิ่นและ อุปกรณ์ในการสูบบารากู่ โดยแบ่งเว็บไซต์เป็น 3ประเภท คือ 1.เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ 2.เว็บไซต์ขายตรง และ3.เว็บไซต์ประเภทโซเชียล เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน มีตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น-มหาวิทยาลัย มีการทำโปรโมชั่นลดราคา แถมสินค้า ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และที่น่าเป็นห่วงคือผู้ขายในเว็บไซต์โซเชียลบางคนอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐนำสินค้าเข้ามาได้ในราคาถูกอีกด้วย
“การตรวจสอบเว็บไซต์เหล่านี้ ทำได้โดยสร้างโปรแกรมตรวจสอบเว็บไซต์ขึ้น และประสานให้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ICT เพื่อนำไปใช้ในการตรวจจับบล็อกไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์นั้นๆ หรือ นำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันสามารถปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมายไปแล้วกว่า 200 เว็บไซต์ จากที่พบ 600 กว่าเว็บไซต์ หรือกว่า 27% ซึ่งจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์และเตือนประชาชนให้ทราบว่าการขายบุหรี่ลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” ดร.พิจิตรพงศ์กล่าว
ที่มา : สำนักข่าว สสส.