หมอประกิตยัน “ชะตาชาวไร่ยาสูบไทย” อยู่ที่กลไกตลาด
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
หมอประกิตยัน “ชะตาชาวไร่ยาสูบไทย” อยู่ที่กลไกตลาด ที่จะกระทบชาวไร่ยาสูบ ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่อย่างแน่นอน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยข่าวที่ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ระบุว่า จำนวนชาวไร่ยาสูบและพื้นที่เพาะปลูกยาสูบของไทยลดลง จากการที่ชาวไร่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่มีรายได้สูงกว่า และโรงงานยาสูบต้องไปซื้อใบยาสูบจากพม่า ลาวและกัมพูชาว่า ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวไร่ยาสูบไทยในขณะนี้ ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในประเทศมาเลเซีย
โดยจำนวนชาวไร่ยาสูบมาเลเซียลดลงจาก 23,020 ราย ในปี พ.ศ.2543 เหลือ 2,428 ราย ในปี พ.ศ.2555 และทางการมาเลเซียคาดการณ์ว่าภายใน 10 ปี มาเลเซียจะไม่มีชาวไร่ยาสูบอีกเลย เนื่องจากโรงงานผลิตบุหรี่ข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย หันไปซื้อใบยาสูบจากประเทศอื่นในอาเซียน ที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าโรงงานยาสูบไทยก็จะต้องหันไปซื้อใบยาที่ราคาถูกกว่าจากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต เพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันกับบุหรี่นำเข้า ที่กำลังแย่งส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ของโรงงานยาสูบอย่างดุเดือดในขณะนี้
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ที่สมาคมชาวไร่ยาสูบออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ……ของกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะกระทบความเป็นอยู่ของชาวไร่ยาสูบ ซึ่งข้อเท็จจริงคือกลไกตลาดต่างหากที่จะกระทบชาวไร่ยาสูบ ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่อย่างแน่นอน และแท้ที่จริงแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของชาวไร่ยาสูบคือบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ที่ไม่ต้องการให้ตลาดบุหรี่ไทยลดขนาดลง โดยขัดขวางนโยบายและมาตรการควบคุมยาสูบของรัฐบาลไทยทุกวิถีทาง ล่าสุดถึงกับฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มขนาดภาพคำเตือนจาก 55 เป็น 85% จึงขอให้ชาวไร่ยาสูบไทยรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงและอย่าตกเป็นเครื่องมือของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ในการคัดค้านมาตรการควบคุมยาสูบของรัฐบาล
ที่มา : ศูนย์ข่าวมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่