หมอจี้รัฐลงแส้เว็บยุยงให้“คลั่งผอม”
สุดทนคนไข้มากขึ้นเรื่อยๆ เรียกร้องรัฐช่วยกวาดล้าง
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าแพทย์และจิตแพทย์จากศูนย์การแพทย์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการดำเนินการกวาดล้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาในทางส่งเสริมให้คนมีพฤติกรรมเป็นโรคคลั่งผอม หรือ แอโนเร็กเซีย
เว็ปไซต์ที่ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในจำนวนเว็บประเภทนั้นได้แก่ เว็ป เฟสบุ๊ค และ มายสเปซ ด้านกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสุขภาพที่ทำงานเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคคลั่งผอมในอังกฤษซึ่งมีชื่อว่า บีอีทได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องเดียวกันนี้ด้วยว่าการดำเนินการของทางการอังกฤษในการจัดการกับที่มาของปัญหาเรื่องโรคคลั่งผอมนั้นมีความคืบหน้าน้อยมากๆ ในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนเครือข่ายเว็บไซต์กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ยากเอาการอยู่เหมือนกันในการแยกแยะเว็บไซต์ที่เป็นเว็บไซต์ซึ่งส่งเสริมให้คนเป็นโรคคลั่งผอมหรือเป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้คนที่เป็นโรคคลั่งผอมหายจากความทุกข์ทรมานในการเป็นโรคนี้
ขณะเดียวกันโฆษกของเว็บไซต์ มายสเปซซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บที่ถูกระบุว่ามีเนื้อหาที่ส่อไปในทางยั่วยุให้คนมีพฤติกรรมโรคคลั่งผอมอ้างว่าทางเว็บไซต์กำลังให้ร่วมมือกับองค์กรหลายองค์กรรวมทั้งองค์กรบีอีทด้วย
ในประเทศอังกฤษนั้นมีประชากรกว่า 1.1 ล้านคนที่พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารหรือภาวะบกพร่องเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร โดยส่วนมากพบว่ามักจะเป็นผู้หญิง ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าตัวเลขของผู้ป่วยที่แท้จริงนั้นมีมากกว่าตัวเลขทางการนี้แน่นอนเพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
สำหรับสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านโรคคลั่งผอมนี้เชื่อว่าเป็นตัวกระตุ้นให้คนจำนวนที่มากขึ้นกลายมาเป็นโรคคลั่งผอมคืออิทธิพลของสื่อใหม่หรืออินเทอร์เน็ตที่มีกำลังมีบทบาทต่อสังคมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่เพิ่งทำออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงวัยรุ่นที่มักเข้าไปท่องเว็บไซต์ประเภทส่งเสริมการเป็นโรคคลั่งผอม ยิ่งทำให้มีความรู้สึกในทางลบเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองน้อยลงและรู้สึกว่าตัวเองอ้วนอยู่ตลอดเวลาเพราะมักจะนำรูปร่างของตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ
นพ.
“เรารู้สึกตกใจมากที่เว็บไซต์อย่างนี้เสนอแม้กระทั่งเกล็ดวิธีในการทำให้ตัวเองผอมลง” นพ. โกลเวอร์กล่าว
ที่มา : สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
update 26-02-51