หนุน Single Window ชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปลอมปน

หนุน Single Window หรือ"ระบบแจ้งเตือนภัยและฐานข้อมูลคุณภาพความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค"  ใช้ในชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปนเปื้อน


หนุน Single Window ชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปลอมปน thaihealth


แฟ้มภาพ


จากแนวคิดที่ต้องการเชื่อมความรู้และงานวิชาการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สู่ชุมชน ของ ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี ในสังกัด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้สานต่อการพัฒนา Single Window หรือ "ระบบแจ้งเตือนภัยและฐานข้อมูลคุณภาพความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค" ปี 2548 ภายใต้ความร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


โดยมีการนำร่องระบบ Single Window ดังกล่าวร่วมกับการดำเนินโครงการ เจ้าหน้าที่ อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ในพื้นที่ ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ในปี 2552 และกำลังขยายผลสู่ชุมชนทั่วประเทศเร็วๆ นี้


อวสานรถเร่ขายยา


ปัจจุบันไม่เพียงการสกัดรถเร่ขายยา รถหนังฉายยาหรือเซลส์ขายยาที่เข้ามาในชุมชน อบต.นาม่วงได้ แต่เสียงเรียกร้องของประชาคมในชุมชน ยังนำมาสู่การจัดตั้งเป็นศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชนทุกหมู่บ้าน ที่พวกเขามองว่าสะดวกต่อการตรวจหาสารปนเปื้อนและแจ้งเรื่องร้องทุกข์ได้ทันท่วงที


"เดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องปกติ ที่พอได้หรือซื้อครีมหรือยาอะไรมา ชาวบ้านก็จะรีบเอามาขอตรวจที่ศูนย์เฝ้าระวังฯ ก่อนใช้ทุกครั้ง และหากเราเจอรถเร่หนังขายยาเข้ามาในพื้นที่เราก็จะเข้าไปตักเตือนและเชิญออกจากพื้นทันที" อสม.นักวิทย์ฯ ชุมชนรายหนึ่งบอกเล่า


หนุน Single Window ชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปลอมปน thaihealthสิ่งที่เป็นจุดแข็งของนาม่วง ภก.วรวิทย์แสดงทัศนะว่าคือการทำงานแบบ "สามประสาน" ระหว่างหน่วยงานสาธารณสุข (รพ.สต.) กับฝ่าย อสม. และฝ่ายท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ คนทั้งชุมชนต่างให้ทั้งความร่วมมือและร่วมใจที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่ง ณัฐพงษ์ คำลาภ กำนันตำบลนาม่วง เอ่ยเสริมว่าเวลามีปัญหาชุมชนจะเน้นการทำงานเป็นเครือข่าย


"เราจะรีบมาคุยกันหาแนวทางแก้ไข ขอความร่วมมือจากคนในหมู่บ้าน บอก อสม.นักวิทย์หรือผู้นำในชุมชนให้ไปตรวจสอบหรืออกไปพบชาวบ้าน เวลามียาไหนที่ตรวจแล้วพบสารปนเปื้อน ก็จะประสานกันช่วยเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรับรู้หมดทั่วทุกหมู่บ้าน อสม.นักวิทย์ จะเป็นผู้แนะนำให้ความรู้เรื่องสารอันตรายแก่ชาวบ้าน"


ต้นแบบงานคุ้มครองผู้บริโภค


ขณะเดียวกัน จากความตั้งใจของคนในนาม่วง ยังร่วมกันต่อยอดโครงการพัฒนาสถานประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร แผงลอย ตลอดจนจัดตั้งตลาดปลอดสาร ทั้งนี้เพื่อตั้งเป้าให้นาม่วงกลายเป็นพื้นที่ปลอดสารปนเปื้อนให้ได้ทั้งหมดนอกจากนี้ชาวบ้านในชุมชนยังมีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย ผ่านแอพพลิเคชันระบบ "Single Window" หรือ "หน้าต่างเตือนภัยสุขภาพ"ซึ่งเป็นระบบแจ้งเตือนภัยและฐานข้อมูลคุณภาพความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค โดยข้อมูลส่วนหนึ่งนั้นคือผลงานจากการตรวจพบสารปนเปื้อนที่ชุมชนเป็นผู้นำส่งให้กับทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อนำไปขึ้นบัญชีแจ้งเตือนในระบบหนุน Single Window ชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปลอมปน thaihealth


"Single Window" เป็นนวัตกรรมที่ให้ข้อมูลกับประชาชนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ที่ตรวจพบแล้วว่ามีอันตราย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจหลอกลวงเหล่านี้ โดยได้พัฒนารูปแบบให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.tumdee.org/alert/ และแอพพลิเคชั่นในมือถือทั้งระบบแอนดรอยด์ (Android) และ ไอโอเอส (IOS) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรีโดยแอปฯ จะโชว์ชื่อและรูปภาพผลิตภัณฑ์อันตรายที่ไม่ควรซื้อมาบริโภค


ดารุณี ชมโครกกรวด นักวิชาการสาธารณสุข รพ.สต.นาม่วง เอ่ยว่า แม้งานเฝ้าระวังการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีสารปนเปื้อนออกสู่ตลาดจะเป็นบทบาทของหน่วยงานด้านสาธารณสุข แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องบุคลากร จึงทำให้ยากที่หน่วยงานภาครัฐจะเข้าดำเนินการครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อันตราย เมื่อถูกตรวจเจอแล้ว ก็จะมีกลยุทธ์เปลี่ยนชื่อหรือยี่ห้อ รูปลักษณ์มาใหม่ ซึ่งหากประชาชนสามารถเฝ้าระวังและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้วยตัวเองได้ ก็จะช่วยให้การส่งเสริมสุขภาพในแนวทางที่ยั่งยืน


พร้อมยอมรับว่าการมี อสม.นักวิทย์ฯ ชุมชน และ Single Window เกิดขึ้นในชุมชนทำให้งานสาธารณสุขชุมชนเปรียบเสมือน "เป็นหูเป็นตา" ให้กับประชาชนในพื้นที่ และยัง "เป็นแขนเป็นขา" ให้กับพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เป็นอย่างดี


หน้าต่างเตือนภัย


ปัจจุบันจากฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Single Window มีรายชื่อและภาพผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายมากกว่า 200 รายการ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 14 แห่งทั่วประเทศ ได้ร่วมมือกันแจ้งข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ตรวจยืนยันแล้วว่ามีอันตรายผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น รวมทั้งแจ้งตรงให้เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคทั่วประเทศ กว่า 1,200 หน่วย ช่วยเฝ้าระวังในพื้นที่ ปัจจุบันมีสถิติผู้เข้าใช้งานฐานข้อมูลทางเว็บไซต์แล้วกว่า 70,000 คน โดยมีการตั้งเป้าให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัคร รายงานข้อมูลการตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่เฝ้าระวัง เดือนละ 1 ครั้ง รวมทั้งจะขยายการเข้าถึงและรายงานข้อมูลให้ครอบคลุมทั่วประเทศในพื้นที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ(สนอ.) 90 แห่งทั่วประเทศ ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งยังได้มีการประสานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขจังหวัดในการใช้ประโยชน์และพัฒนาฐานข้อมูลในแอพพลิเคชันดังกล่าวร่วมกัน


หนุน Single Window ชุมชนทั่วไทย ระวังภัยสารปลอมปน thaihealth"โครงการนี้เป็นการทำงานด้านการเฝ้าระวังที่มีต้นทุนต่ำ แต่มีประสิทธิผลมาก เพราะพื้นที่มีความไวมากในการตรวจเจอและรู้เท่าทัน ปัจจุบัน เริ่มมีชุมชนอื่นทั่วประเทศเข้ามาเรียนรู้ ซึ่งหากประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังกันทั้งประเทศ ก็เท่ากับมีหูตามากขึ้น"


ภก.วรวิทย์ยังเสริมว่า หากในอนาคตทุกชุมชนสามารถแข็งแรงแบบที่นาม่วง ประชาชนจะไม่ตกเป็นเหยื่อผลิตภัณฑ์ที่มีสารปนเปื้อนเหล่านี้ "เราคิดว่านั่นล่ะคือคำตอบของมาตรการการป้องกันที่ดีที่สุด"


พร้อมกล่าวต่อว่าหากโครงการดังกล่าวดำเนินการสำเร็จใน รพ.สต.ทั้งหมื่นกว่าแห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะครอบคลุมประชากรได้ไม่ต่ำกว่าสี่สิบล้านกว่าคน


    


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

Shares:
QR Code :
QR Code