สุขในองค์กรภายนอกสัมผัสได้

          คราวก่อนเล่าถึง กิจกรรมสร้างสุขในองค์กรของหลายหน่วยงาน ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ได้รับรางวัลผลการปฏิบัติงานเป็นเลิศ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงฯ ครบรอบ 12 ปี โดยในปีนี้ มีการนำเรื่องสร้างสุขในองค์กร เข้าไปเป็นประเด็นพิจารณาด้วย ซึ่งในประเด็นการสร้าง/data/content/26092/cms/e_acdkpqtvyz19.jpgสุขในองค์กรนี้ คงจะต้องกล่าวชื่นชมไปยัง สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร ของ สสส. ที่มี นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ เป็นผู้อำนวยการสำนักฯ ที่ได้จุดประกายและทำเรื่องการสร้างสุของค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วันนี้ประเทศไทยมีองค์ความรู้ มีเครื่องมือในการประเมินและพัฒนากิจกรรมสร้างสุขในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเกิดวิทยากร มีเครือข่ายสร้างสุข รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีแหล่งดูงาน ทำให้หน่วยงาน หรือองค์กรที่สนใจ สามารถเข้าถึง และมีเพื่อนที่จะทำเรื่องดีๆ นี้ให้กับคนในองค์กร


          ทั้งนี้ผู้เขียนมีโอกาสได้ถามความเห็น นพ.ชาญวิทย์ ต่อกรณีที่ภาครัฐ ได้หันมาทำเรื่องการสร้างสุขมากขึ้น ซึ่งท่านได้แสดงความยินดีและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญความจำเป็นที่ หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาครัฐ จะต้องเริ่มหันมามองเรื่องของ "คน" ไปพร้อมๆ กับ "งาน" ว่าการงานต่างๆ นั้น โดยเฉพาะงานที่ยากมากขึ้น จะไม่มีทางสำเร็จลุล่วงไปได้ดี หาก "คน" ที่จะทำงานนั้นไม่มีความพร้อมที่จะทำงาน จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร หรือผู้นำในองค์กรที่จะสร้างบรรยากาศการทำงานอย่างมีความสุข และช่วยเหลือพัฒนาให้คนมีความสุข และมีความพร้อมที่จะทำงาน


          ความสอดคล้องของการทำให้คนมีความสุขและพร้อมที่จะ ทำงานนี้ มีตัวอย่างหนึ่งที่อยากเล่าถึง จากการที่ผู้เขียนได้ประสานงานกับกลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มี คุณศิริดา ทรงธรรมเสนีย์ เป็นผู้อำนวยการกลุ่มฯ และมีความ ประทับใจ จึงได้ถามท่านไปตรงๆ ว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า จึงทำงานด้วยความกระฉับกระเฉง มีทัศนคติเชิงบวก มีความอดทนที่จะทำงานประสานงานเพื่อจัดทำข้อมูลจนดึกดื่น ใช้ถ้อยคำที่สุภาพ อ่อนน้อมอีกทั้งยินดีที่จะทำงานแทรกในทันทีที่ถูกร้องขอ แม้จะต้องมีกระบวนการทำงานที่ยุ่งยากมากขึ้นก็ตาม


           ท่านผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ให้คำตอบพร้อมเล่าว่า ท่านมีการส่งเสริมให้บุคลากรในกลุ่มงาน ทำงานอย่างมีความสุข มีทัศนคติการทำงานเชิงบวกและพร้อมทำหน้าที่ด้วยความสุภาพ กระฉับกระเฉง รวดเร็ว ทำงานเชิงรุก คิดนอกกรอบ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นำการทำงาน และมีความมุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จ โดยไม่ห่วง หรือพะวงว่าจะต้องได้รางวัลจากงานเดิมหรือไม่


/data/content/26092/cms/e_cghknpswy279.jpg


            ส่วนเทคนิคการก้าวข้ามช่องว่างระหว่างวัยในการทำงาน คุณศิริดา ระบุว่า เป็นเรื่องของการเปิดใจ "ทำอย่างให้ใจเขาเปิด และใจเราเปิด และมองโลกคล้ายๆ กัน ทำอย่างไรให้เรื่องที่เราสนใจและเขาก็สนใจเชื่อมกันได้ เช่น เรื่องเทคโนโลยีที่เขามีความถนัด เราต้อง เปิดโอกาสให้เขาทำ มีการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ช่วยดึงความสามารถของเขาออกมา ขณะที่ในเรื่องชีวิต เราก็จะช่วยสอนเขา เหมือนสอนลูก เช่น การพัฒนาตัวเอง ทั้งด้านความรู้ บุคลิกภาพ สุขภาพ แต่พอการทำงาน เราจะใช้ความเป็นพี่ไม่ได้ เราต้องเห็นเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน รับฟังเขา สิ่งใดที่เขาทำได้ดี ก็มีการให้รางวัล ให้คำชื่นชม


          จากที่ได้ฟังวิถีการทำงานอย่างมีความสุขจากภายใน จากคุณศิริดา และได้สัมผัสด้วยตนเองแล้วคงต้องขอทิ้งท้ายบทจบของข้อเขียนสัปดาห์นี้ ด้วยคำว่า "ดีจัง"


          คนเราถ้ามีความสุข จากภายในแล้ว ก็จะแสดงออกให้เห็นภายนอก จะให้เขาบริการประชาชนอย่างมีความสุขก็ต้องทำให้เขาทำงานอย่างสบายใจ


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย พิมพร ศิริวรรณ


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code