สุขสันต์ ‘วันแห่งความรัก’
ขอสวัสดีวันแห่งความรัก คือวันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุขสันต์ในวันแห่งความรัก
ตำนานวันวาเลนไทน์ นั้นมีหลายตำนาน ตำนานหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันวาเลนไทน์คือวันรำลึกถึงท่านนักบุญที่ชื่อ เซนต์ วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยในสมัยจักรวรรดิโรมัน มีการห้ามการแต่งงานระหว่างชาวคริสเตียน แต่เซนต์ วาเลนไทน์ ได้แอบลักลอบจัดพิธีแต่งงานให้จนถูกจับขังคุกรับโทษทรมานแสนสาหัส ขณะอยู่ในคุกได้พบรักกับลูกสาวผู้คุมคุกซึ่งตาบอด แรงอธิษฐานแห่งความรักของเซนต์ วาเลนไทน์ ทำให้เธอมองเห็น แต่เซนต์ วาเลนไทน์ ก็ต้องจบชีวิตลงด้วยโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนจากโลกนี้ ท่านเขียนจดหมายถึงหญิงคนรัก ลงท้ายว่า from your Valentine(14 วิธีสุขสันต์วันวาเลนไทน์สำหรับวัยรุ่น มติชนรายวัน 14 กุมภาพันธ์ 2551)
สำหรับวันมาฆบูชาหรือวันจาตุรงคสันนิบาต เป็นวันแห่งความรักในพุทธศาสนา เพราะมีเหตุการณ์พิเศษมาบรรจบกันถึง 4 เหตุการณ์ คือ 1.เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันเพ็ญเดือน 3) 2.พระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมโดยไม่ได้นัดหมาย 3.พระภิกษุเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6 4.พระภิกษุทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือเอหิภิกขุอุปสัมปทา วันมาฆบูชาจึงประดุจวันปฐมนิเทศในการเผยแผ่พุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดยมีหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง 3 ประการ ได้แก่ การไม่ทำบาปทั้งปวง, การทำกุศลให้ถึงพร้อม และการทำจิตให้ผ่องใส
อันที่จริงคนเราควรมีวันแห่งความรักในทุกวัน ไม่เฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อาทิ มีความรักต่อตนเอง, บิดามารดา, สามีภรรยา, บุตรธิดา, คู่รัก, ญาติพี่น้อง, มิตรสหาย, เพื่อนร่วมโลก, การทำงาน ฯลฯ คนที่มีความรัก จะเป็นคนที่มีความสุขใจ ภูมิใจ มั่นใจ และรู้ซึ้งถึงคุณค่าในตนเอง คนที่มีวันแห่งความรักในทุกวันมักจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก
2. มีคนที่เรารัก และคนที่รักเรา
3. อยู่ในสถานที่ทำให้มีความสุข และมีความสุขในสถานที่อยู่
4. มีความเพียงพอ รู้จักประหยัด
5. มีความพอใจในสิ่งที่มีอยู่
6. คิดในทางบวก
7. มีจุดมุ่งหมายในชีวิต
8. มีความกตัญญูรู้คุณ
9. มีงานอดิเรกที่ชอบ
10. พร้อมที่จะรับความเปลี่ยนแปลง
11. มีเสียงหัวเราะในทุกๆ วัน
12. มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่น สังคม และประเทศชาติ
13. มีธรรมะ อาทิ
มีอิทธิบาท 4
-ฉันทะ มีความใฝ่ปรารถนาที่จะทำอะไรดีงาม
-วิริยะ เมื่อมีใจปรารถนาทำสิ่งดีงามแล้ว ก็เพียรพยายามทำสิ่งนั้น
-จิตตะ ใจแน่วแน่กับสิ่งที่อยากทำนั้น
-วิมังสา ใช้ปัญญา เมื่อมีอะไรจะต้องทำ ใจก็อยู่ที่นั้น วางแผนคิดด้วยปัญญา
มีธรรมะสมาธิ 5
-ปราโมทย์ มีใจร่าเริง แจ่มใส เป็นพื้นจิตประจำใจ
-ปีติ มีความอิ่มใจ ปลาบปลื้ม ที่จะทำสิ่งดีงาม
-ปัสสัทธิ นึกถึงผลดีที่จะเกิดขึ้น ทำให้สบายใจ ไม่เครียด ทำงานด้วยความผ่อนคลาย
-สุข มีสภาพจิตที่ดีงาม มีความฉ่ำชื่น รื่นใจ ไม่มีอะไรบีบคั้น
-สมาธิ มีใจอยู่กับตัว ตั้งมั่น ไม่มีอะไรมารบกวน ไม่กระสับกระส่าย ไม่กระวนกระวาย
มีพรหมวิหาร 4
-เมตตา มีไมตรีจิตมิตรภาพกับคนทั่วไป รักใคร่ ปรารถนาดีกับทุกคน
-กรุณา เห็นใครตกทุกข์ได้ยากก็ช่วยเหลือเขาไป
-มุทิตา เห็นใครดี ประสบผลสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้าก็ส่งเสริมไป
-อุเบกขา วางใจเป็นธรรม วางใจเป็นกลาง
มีฆราวาสธรรม 4
-สัจจะ เป็นคนจริง เด็ดเดี่ยวเชื่อมั่นตนเอง และเป็นคนตรงไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
-ทมะ พัฒนาตน ฝึกตนเองให้มีความรู้ความสามารถ และชนะใจตนไม่ทำเรื่องเสียหาย
-ขันติ อดทนต่อความลำบาก ต่อทุกข์เวทนา ต่อการเจ็บใจกระทบกระทั่ง ต่อสิ่งเย้ายวน
-จาคะ สละสิ่งของและอารมณ์บูดเน่าออกจากใจ ทำให้ใจสะอาดสงบสดชื่นเบิกบาน
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว วันแห่งความรักจึงเป็นสิ่งสร้างขึ้นมาได้ และยิ่งสร้างขึ้นมามากเท่าใด ความรู้สึกสุขสันต์ก็จะมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อให้ความรักผู้อื่นความรักนั้นจะกลับมายังตนเอง จนกลายเป็นที่รักของคนทั่วไป ดังพระพุทธวจนะที่ว่า
“สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ ธมฺมฏฺฐํ สจฺจวาทินํ อตฺตโน กมฺมกุพฺพานํ ตํ ชโน กุรุเต ปิยํ : ผู้ประพฤติดี มีความเห็นถูกต้อง มั่นอยู่ในคลองธรรม พูดคำสัตย์ ปฏิบัติหน้าที่ของคนสมบูรณ์ คนย่อมเทิดทูนด้วยความรัก”
ที่มา : มติชนรายวัน โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข