สุขภาพดีหาซื้อไม่ได้ ชูเดิน-วิ่งสู่ปัจจัยที่ห้า

/data/content/26544/cms/e_ainortuy3567.jpg


          ยุคนี้ถือว่าโชคดีที่สังคมเริ่มสนใจในเรื่องสุขภาพร่างกายและอาหารการกินที่ดี เพื่อลดปัญหาโรคร้ายที่กำลังย่างกรายเข้ามาหาครอบครัวโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกระแสออกกำลังกายด้วยการวิ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ไปถึงผู้สูงอายุ สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ สะดวก เพราะริเริ่มทำได้คนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น อย่างกีฬาที่เล่นเป็นทีมหรือมีคู่แข่ง ขอมีเพียงใจที่กล้าหาญและร้องเท้าดีๆ สักคู่ ก็สามารถก้าวออกทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้แล้ว และเพื่อตอกย้ำว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์จริง


         ทุกภาคส่วนจึงอาศัยช่วงนี้ปลุกกระแสสังคมให้เห็นความสำคัญของการวิ่งมากขึ้น โดยพุ่งเป้าไปตั้งแต่เด็กและเยาวชนในโรงเรียน ให้เห็นว่าเป็นถึงความสำคัญและเป็นปัจจัยที่ห้าของการดำเนินชีวิต อย่างเช่น กิจกรรมดีๆ "Thai health Day run 2014" ที่ผ่านพ้นไปไม่นาน ที่ได้รับการตอบรับจากนักวิ่งมากมายพร้อมเรียกร้องให้จัดเป็นประจำทุกเดือน


          งานดังกล่าวจัดขึ้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานเปิดงาน "Thai health Day run 2014" ภายใต้โครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ ปีที่ 3 จัดโดย สสส. สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย และภาคีเครือข่ายสุขภาพ โดย ศ.ดร.ยงยุทธได้ร่วมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กิโลเมตร ร่วมกับ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรี/data/content/26544/cms/e_cefiklqrtvz7.jpgแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส., ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์  ผู้จัดการ สสส., นายพจน์ เพิ่มพรพิพัฒน์ ประธานสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย


          นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ นายสะอิ้ง หาญประโคน อายุ 63 ปี ชาว อ.เด่นชัย จ.แพร่, น้องธันย์-น.ส.ณิชชารีย์, เป็นเอก ชนะศักดิ์ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับขาขาดสองข้าง ฯลฯ และภายหลังจากกิจกรรมเดินวิ่ง คณะนักวิ่งและคณะจักรยานได้ร่วมกันเดิน วิ่ง ปั่น ไปยังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย


          ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า โครงการ "วิ่งสู่ชีวิตใหม่" (Run for new life) เริ่มตั้งแต่ปี 2555 ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก ช่วยจุดกระแสการเดินวิ่งเพื่อสุขภาพในหมู่คนวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 30-40 ปี เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยร้อยละ 70 เป็นนักวิ่งหน้าใหม่ ประมาณร้อยละ 60 เป็นหญิง ร้อยละ 40 เป็นชาย


          ในปีนี้ สสส.มีเป้าหมายที่จะรณรงค์ส่งเสริมการเดิน การวิ่งเพื่อสุขภาพ ในวัยเด็ก (6-14 ปี) วัยรุ่น (15-25 ปี) และวัยทำงาน (26-59 ปี) ให้เป็นประจำในวิถีชีวิต รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมกับช่วงวัย โดยบูรณาการกับแผนอาหารเพื่อสุขภาวะและแผนระบบสื่อ และวิถีสุขภาวะทางปัญญา ทั้งนี้มุ่งใช้พื้นที่ยุทธศาสตร์ของกลุ่มวัย ได้แก่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงาน สถานประกอบการ ตลอดจนในชุมชนท้องถิ่น สำหรับปีนี้คาดว่ามีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 10,000 คน


          ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส. บอกว่า งานครั้งนี้เราต้องการให้การเดินวิ่งเพื่อสุขภาพเป็นกิจกรรมที่ให้คนไทยออกกำลังกาย ซึ่งเป็นการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ถูกที่สุด เห็นได้ชัดเจนว่านักวิ่งกลุ่มเดิมอายุ 50 ปีขึ้นยังคงที่อยู่อย่างเหนียวแน่น


          ขณะที่คนอายุ 30 ปี กลุ่มคนวัยทำงานก็เข้าร่วมมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ที่อยากเห็นมากๆ ในงานนี้ คือนักวิ่งรุ่น/data/content/26544/cms/e_abfgiklopvy4.jpgเด็กๆ อายุระหว่าง 6-14 ปี เพราะถือเป็นอนาคตของชาติ และการมางานวิ่งจะช่วยให้เด็กและเยาวชนห่างไกลอบายมุขต่างๆ


          "จุดประสงค์ของการมาวิ่งต้องไม่ใช่วิ่งเพื่อความเท่ โก้เก๋ หรือมาถ่ายรูปกันที่เส้นชัย เพื่อนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก หรือเพื่อต้องการเหรียญรางวัล แต่ต้องมุ่งเน้นที่สุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น และที่สำคัญคือการชนะจิตใจตนเอง" ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สสส.ระบุ


          ขณะที่นายณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. เสริมว่า จุดเด่นที่สำคัญของโครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ที่ผ่านมา คือการเปิดคลินิกการวิ่งตามสวนสาธารณะต่างๆ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิ่งเป็นผู้ให้องค์ความรู้ สอนวิธีวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของนักกีฬา ในงานดังกล่าวยังมีเครือข่ายของสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งของแต่ละจังหวัดให้การดูแลและให้ความรู้แก่นักวิ่งหน้าใหม่ด้วย


          "งานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ Thai Health Day Run 2014" เป็นงานของทุกคนที่เคยร่วมงาน จึงอยากให้หลายคนที่เคยวิ่งในสนามนี้กลับมาร่วมวิ่งเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการวิ่งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา" นายณรงค์กล่าว


          "เอ็ม" เอกราช คงเกิดผล อายุ 25 ปี นักวิ่งหน้าใหม่ บอกว่า การเข้าร่วมงานวิ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก พี่ที่รู้จักชวนมาวิ่งระยะ 10 กิโลเมตร ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ แต่พอได้ลองวิ่งถึงรู้ว่าร่างกายและความพร้อมเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าหัวใจสำคัญกว่าที่จะทำให้ถึงเส้นชัย


          "เป็นคนชอบออกกำลังกาย และทราบว่าการวิ่งนั้นช่วยให้สามารถลดน้ำหนักและร่างกายแข็งแรงได้เป็นอย่างดี /data/content/26544/cms/e_afijmpuvx578.jpgตอนแรกอาจจะเบื่อ แต่พอเริ่มวิ่งไปได้สักระยะ พอเหงื่อเริ่มออกเหมือนมีเคมีบางอย่างออกมา ทำให้สนุกและอยากวิ่งไปเรื่อยๆ และอยากจะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเส้นชัย หากเปรียบเหมือนการดำเนินชีวิต หากเราย่อท้อต่อขวากหนามที่อยู่ข้างหน้าความสำเร็จก็ไม่มีทางไปถึง เปรียบเหมือนการวิ่ง หากเรายอมแพ้และล้มเลิกกลางคัน ก็ไม่มีทางที่เราจะไปถึงเส้นชัยได้เช่นกัน และถูกตราหน้าเป็นพวกขี้แพ้" คุณเอ็มระบุ


          ส่วนนักวิ่งรุ่นเล็กอย่าง "น้องกล้า" อายุ 10 ปี ที่ควงคุณพ่อมาวิ่งครั้งนี้ บอกว่า ชอบวิ่งเพราะเวลามาเจอคนวิ่งเยอะๆ แล้วสนุกดี และคุณพ่อก็สอนด้วยว่าการวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย


          สำหรับการแข่งขันระยะต่างๆ มีดังนี้ การแข่งขันรายการวิ่งระยะทาง 10 กม. เป็นการแข่งขันประเภททั่วไป มีรางวัล 10 อันดับ ทั้งชาย-หญิง สำหรับนักวิ่งจะได้รับเสื้อที่ระลึก และได้รับเหรียญเมื่อเข้าสู่เส้นชัย


          ส่วนระยะทาง 5 กม. ตามรุ่น อายุ และเพศ มีการแข่งขัน 4 กลุ่มอายุ คือ อายุไม่เกิน 10 ปี ชาย-หญิง / อายุ 11-12 ปี ชาย-หญิง / อายุ 13-14 ปี ชาย-หญิง / อายุ 15-16 ปี ชายหญิง ผู้ชนะอันดับ 1-5 ทุกกลุ่มอายุ ได้รับถ้วยรางวัลและของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีการเดินเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กม.อีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามผลและภาพการแข่งขันทั้งหมดได้ที่ http://www.thaijoggingclub.or.th


          เห็นประโยชน์ของการวิ่งแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรออกไปเปลี่ยนแปลงชีวิตกัน.


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code