“สื่อใหม่” ศักยภาพการเปลี่ยนแปลงระบบสื่อ
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา ทีมงานมีเดียมอนิเตอร์ ได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ อาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ กรรมการวิชาการโครงการเสริมสร้างสื่อมวลชนศึกษาเพื่อสุขภาวะ ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากรของมูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา ในประเด็นเรื่อง “สื่อใหม่” และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบสื่อ
อาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ พูดถึงประเด็นเรื่องผลกระทบของสื่อใหม่ เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสื่อกระแสหลัก เพราะเป็นสื่อที่คนเข้าถึงได้ง่าย มีความรวดเร็ว ทำให้เกิดการมีส่วนร่วม และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในวงกว้าง แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อควรระวังที่ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง ความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ต้องมีการตรวจสอบ
“เนื่องจากทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นสื่อได้ แต่ต้องเสริมในเรื่องจรรยาบรรณเข้ามาประกอบด้วย และการเกิดขึ้นของสื่อใหม่ทำให้สื่อเก่าได้รับผลกระทบโดยตรง เมื่อต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ปัจจุบันยอดขายของสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงเป็นจำนวนมาก หลายแห่งต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อความอยู่รอด เช่น กรณีของ new york time ที่กำลังจะมีการเก็บเงินกับผู้ที่เข้าอ่านจากทางเว็บไซต์ หรือหนังสือพิมพ์ไทยที่ไม่ทำข่าวเชิงลึก เพื่อลดต้นทุนและหารายได้ด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น การจัด event โดยรับเงินจากราชการซึ่งอาจขัดต่อการทำหน้าที่สื่ออย่างอิสระ
สื่อออนไลน์มีความเป็นประชาธิปไตยในตัวของมันเอง เพราะสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี อย่างเช่น facebook เป็นทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะที่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมโดยการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ควบคุมยาก เพราะไม่มีใครสามารถคุมสื่อออนไลน์ได้แม้แต่รัฐที่ทำได้เพียงการปิดเว็บไซต์เท่านั้น (กระทรวงไอซีที) ซึ่งไม่เป็นประโยชน์และไม่ควรทำ อาจารย์ได้ตั้งคำถามในส่วนนี้ว่า จะทำอย่างไรให้คนที่เข้าถึงสื่อออนไลน์เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ทุกวันนี้ “สื่อใหม่” มีศักยภาพมากในการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะสื่อออนไลน์เช่น ที่ผ่านมาปรากฏการณ์สื่อออนไลน์ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศอียิปต์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากคนโพสต์คลิปเด็กที่ถูกกลุ่มตำรวจรุมทำร้าย จนนำไปสู่การรวมกลุ่มในโลกออนไลน์ของคนที่ไม่พอใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วออกมารวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องเสรีภาพอย่างจริงจัง เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วลุกลามไปประเทศข้างเคียงเหมือนโดมิโน
อาจารย์ปกป้อง ได้ตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มีสื่อใหม่ ไม่มี social network ที่ทำให้คนเกิดความมีส่วนร่วมในเรื่องเดียวกันแบบนี้ และยังได้แนะนำเกี่ยวกับการตั้งโจทย์การวิจัยเรื่องนี้ สำหรับทีมงานมีเดียมอนิเตอร์ต่อการศึกษาภายหน้าว่า ให้คำนึงถึงการเมืองในโลกออนไลน์สัมพันธ์กับการเมืองในโลกออฟไลน์อย่างไร เราต้องรู้จักย่อยและสังเคราะห์ความรู้
หลังจบการพูดคุยสิ่งที่ทีมงานได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้คือ ความเข้าใจเกี่ยวกับศักยภาพของสื่อใหม่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบสื่อ ส่งผลกระทบทางสังคมในบริบทต่างๆ และที่สำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างสื่ออย่างชัดเจน
“ที่สำคัญเราต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การทำงานกับคนหมู่มากย่อมมีปัญหาหรือความไม่เข้าใจกันในบางจุด บางครั้งก็ต้องยอมรับ เปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่น การเป็นนักวิจัยที่ดีไม่ควรคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น รู้มากกว่าคนอื่น ยิ่งเราทำงานวิจัย เราต้องตระหนักว่าเราไม่รู้ และการทำงานด้านนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความน่าเชื่อถือ และทุกคนสามารถพัฒนาได้และอยากให้ทุกคนแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา ทั้งการอ่านหนังสือ ข่าว บทความที่เป็นประโยชน์ หรือการพบปะเรียนรู้กับนักวิชาการก็ช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น” อ.ปกป้อง กล่าว
สุดท้ายอาจารย์ฝากทิ้งท้ายเกี่ยวกับการทำงานว่า “อย่ากลัวว่างานที่ทำจะไม่เห็นผลตอบรับ หรือกลัวว่างานที่ทำจะเสียเปล่า อย่างน้อยถ้างานไม่ได้ใช้ เราก็ได้เก่งขึ้น พัฒนาขึ้นจากการทำงาน”
ที่มา: มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา (มีเดียมอนิเตอร์)