สึนามิส่งผลลบต่อไอคิวเด็ก
จากการติดตามดูแลและฟื้นฟูจิตใจเด็กที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิอย่างต่อเนื่องของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้จัดทำรายงาน “8 ปี สึนามิ กับการพื้นฟูจิตใจเด็ก” โดยในปี 2555 เป็นการรายงานผลการติดตามครั้งที่ 3 ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา เพื่อดูในเรื่องการพัฒนาการของเด็กที่ได้รับผลกระทบทั้งทางด้านสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ และพฤติกรรมเด็ก เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิตจากผลกระทบที่เกิดขึ้น
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ภายหลังจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 มีผู้ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะทางด้านจิตใจจำนวนมาก กรมสุขภาพจิตจึงได้มีการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นเด็กที่ประสบเหตุการณ์ได้ติดตามเด็กแรกคลอดอายุ 0-3 ขวบ จำนวน 269 คน เป็นเด็กที่อยู่ในพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งผลติดตามในปี 2552 พบว่า เชาวน์ปัญญาจัดอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ร้อยละ 53.1 เชาว์ปัญญาระดับทึบ ร้อยละ 21.0 และเชาวน์ปัญญาระดับฉลาด ร้อยละ 13.6 และเมื่อดูในด้านความฉลาดทางอารมณ์ อายุ 3-5 ปี มีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งในเรื่องการควบคุมอารมณ์การมีน้ำใจ การรู้ผิดถูก ด้านพฤติกรรมพบว่า พฤติกรรมปกติด้านอารมณ์ ร้อยละ 84 สมาธิ ร้อยละ 56.8 และสัมพันธภาพสังคม ร้อยละ 67.9 ส่วนพฤติกรรมเกเรอยู่ที่ร้อยละ 64.2 และด้านพัฒนาการพบว่า พัฒนาการสมวัย ร้อยละ 50.6 พัฒนาการไม่สมวัย ร้อยละ 49.4
แต่จากการติดตามต่อเนื่องในปี 2555 จากรายงาน “8 ปี สึนามิ กับการฟื้นฟูจิตใจเด็ก” มีเด็กที่ยังติดตามเหลือเพียง 157 คน เนื่องจากบางส่วนได้ย้ายถิ่นและเสียชีวิต ซึ่งกรมสุขภาพจิตจึงได้ขยายพื้นที่ติดตามกระจายไปใน จ.พังงา 112 คน จ.กระบี่ 35 คน และ จ.ภูเก็ต 32 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 7-9 ปีแล้ว ทั้งนี้ จากผลการติดตาม เมื่อดูในด้านระดับสติปัญญาพบว่าใน จ.พังงามีเด็กที่มีสติปัญญาอยู่ในระดับทึบถึงร้อยละ 40 ระดับคาบเส้นร้อยละ 27.5 ระดับปกติ ร้อยละ 28.9 และปัญญาอ่อน ร้อยละ 3.8 ส่วน จ.กระบี่ มีเด็กที่มีระดับสติปัญญาระดับทึบ ร้อยละ 34.3 คาบเส้น ร้อยละ 34.3 ระดับปกติ ร้อยละ 25.7 และระดับสติปัญญาอ่อน ร้อยละ 5.8 ขณะที่ จ.ภูเก็ต พบเด็กระดับสติปัญญาทึบ ร้อยละ 34.4 รองลงมาคาบเส้น ร้อยละ 18.8 ระดับปกติ ร้อยละ 21.9 และระดับปัญญาอ่อน ร้อยละ 21.9
นพ.วชิระกล่าวว่า เมื่อดูความฉลาดทางอารมณ์พบว่าทั้ง 3 จังหวัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งการใส่ใจและเข้าใจผู้อื่นการยอมรับผิด ความมุ่งมั่นพยายาม การปรับตัวต่อปัญหา เช่นเดียวกับทางด้านพฤติกรรมที่อยู่ในเกณฑ์ปกติเช่นกัน โดยมีส่วนน้อยที่เป็นปัญหาเท่านั้น
“จากรายงานพบว่าภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด เด็กที่ประสบเหตุสึนามิส่วนใหญ่มีสติปัญญาระดับทึบ ซึ่งเวลาทองของการพัฒนาการของเด็กอยู่ที่ขวบปีแรก ซึ่งเมื่อเกิดสึนามิทำให้เด็กแรกคลอดที่เกิดในขณะนั้นเกิดมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวที่ไม่ปกติ บางคนไม่มีครอบครัว พ่อแม่ค่อยดูแล ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็ก” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว และว่า ทั้งนี้ ความสมบูรณ์ของเด็กจะขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิต คือ 1.ยีน หรือพันธุกรรม 2.ครอบครัวที่สมบูรณ์ การดูแลที่ดี ซึ่งเด็กที่ประสบเหตุสึนามิบางคนทำให้ขาดพ่อหรือแม่ 3.การเล่นกับเพื่อนโดยหลังสึนามิทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไป จะเห็นได้ว่าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะส่งเสริมให้เด็กเติบโตตามวัย
นพ.วชิระกล่าวว่า ค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาปกติของเด็กไทยจะอยู่ที่ค่า 98-99 หากให้ดีต้องมีค่าเกินร้อย แต่ในกรณีเด็กที่มีสติปัญญาระดับทึบจะอยู่ที่ 70-90 แต่หากต่ำกว่า 70 ลงไปถือว่าอยู่ในระดับปัญญาอ่อน อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีปัญหาสติปัญญาทึบจะต้องมีการกระตุ้นพัฒนาการ ซึ่งมีวิธีกระตุ้นได้หลายวิธี
ขณะที่ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล ผู้ช่วยอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากรายงานพบว่าการเรียนรู้และค่าเฉลี่ยเชาวน์ปัญญาของเด็กกลุ่มนี้ภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 37 ถือเป็นค่าเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และเมื่อทำการวัดด้วยเครื่องมือความฉลาดทางอารมณ์ยังพบว่าเด็กกลุ่มนี้บางส่วนยังมีความเสี่ยงพฤติกรรมทางอารมณ์ ทั้งภาวะอารมณ์ อารมณ์ไม่ดี พฤติกรรมก้าวร้าว และสมาธิสั้น สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีปัญหาคือ การที่ครอบครัวเกิดการสูญเสีย อย่างเช่น สูญเสียพ่อหรือแม่ ใครคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคน ทำให้เด็กขาดการดูแล หรือครอบครัวยังประสบปัญหาการฟื้นตัวเองทางเศรษฐกิจ ทำให้การดูแลเด็กไม่ดีเท่าที่ควร ซ้ำบางคนยังต้องดูแลครอบครัวด้วยซ้ำ โดยในการเข้าไปช่วยเหลือนั้น ทางกรมสุขภาพจิตได้เข้าไปเชื่อมโยงกับทางโรงเรียนโดยเฉพาะการกระ ตุ้นการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการที่ดีขึ้น
“ตอนที่ติดตามเด็กกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนี้เมื่อปี 2547 ส่วนใหญ่อายุเพียงแค่ 1-2 ขวบเท่านั้น แถมบางคนยังอยู่ในท้องแม่ แต่ปัจจุบันแม้ว่าเด็กเหล่านี้จะอายุ 8-9 ขวบแล้ว แต่ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวมาก ซึ่งทางกรมสุขภาพจิตยังคงติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป”พญ.พรรณพิมลกล่าว.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์