สีสันจอมบึง “มาราธอนสนุก นักวิ่งสุขใจ”
แฟ้มภาพ
ผ่านพ้นไปแล้วกับ สสส. จอมบึงมาราธอน 2559 ปีที่ 31 "Thai Health Chom Bueng Marathon 2016" งานวิ่งประเพณีชาวบ้านที่มีมาตรฐานสากล ภายในงานยังมีมุมน่ารักๆ และภาพความประทับใจที่สร้างสีสันให้กับงานไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
เริ่มปล่อยตัวนักวิ่งระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร เวลา 4.30 น.
ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร เวลา 5.30 น.
ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร เวลา 6.00 น.
“นักวิ่งแฟนซี สีสันจอมบึงมาราธอน”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นักวิ่งแฟนซี เป็นผู้สร้างสีสันให้กับทุกๆ งานวิ่ง เป็นผู้สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจให้กับนักวิ่งได้มากเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับ จตุพงษ์ ชมพูวงศ์ นักวิ่งวัย 35 ปี ที่บอกว่า จอมบึงมาราธอนมีประวัติที่ดีมายาวนาน นักวิ่งมาราธอนแรก มักจะใช้สนามนี้เป็นที่แรกในการวิ่งมาราธอน งานวิ่งครั้งนี้ตนก็ตั้งใจจะวิ่งระยะ 42.195 กิโลเมตร แต่เพราะมีอาการบาดเจ็บ จึงเปลี่ยนมาวิ่ง 10 กิโลเมตรแทน จึงถือโอกาสแต่งแฟนซี เพื่อสร้างสีสันให้กับสนามวิ่งและสร้างรอยยิ้ม ความประทับใจให้กับนักวิ่ง ชาวบ้านที่มาให้กำลังใจพวกเราด้วย
“ปกติชอบวิ่งต่างจังหวัดอยู่แล้ว เพราะอากาศดี เส้นทางโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างจอมบึงจะมีการปิดถนนร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้เชื่อมั่นในความปลอดภัย เราสามารถวิ่งได้เต็มที่ และยังมีกองเชียร์ทั้งชาวบ้าน และเด็กๆ คอยเชียร์และให้กำลังใจนักวิ่งตลอดเส้นทาง ในปีนี้นักวิ่งหน้าใหม่ให้ความสนใจเยอะมาก ผมรู้สึกดีใจที่เห็นคนรุ่นใหม่หันมารักสุขภาพกันเยอะขึ้น ผมเชื่อว่าในปีหน้าต้องมีคนสนใจมาวิ่งที่นี่เพิ่มมากขึ้นเพราะสนามวิ่งจอมบึงเป็นสนามที่นักวิ่งหลายๆ คน ใฝ่ฝันที่จะมาเยือนสักครั้ง” นักวิ่งแฟนซี บอก
“มาราธอนฉายเดี่ยว ที่จอมบึง”
ณัฐวุฒิ คำภูมี นักวิ่งวัย 45 ปี ที่ฉายเดี่ยวมาวิ่งจอมบึงมาราธอน เผยว่า วิ่งมาราธอนเป็นครั้งที่2 แต่มาวิ่งที่จอมบึงเป็นครั้งแรก ตนได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มานาน จึงอยากมาสัมผัสบรรยากาศสนามวิ่ง ชุมชน และครั้งนี้ก็ถือเป็นความทรงจำที่ดีมากจากการวิ่ง
เพราะตลอดระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เป็นการวิ่งที่สนุกสนานครึกครื้นมาก มีกองเชียร์เด็กๆ มาให้กำลังใจ ทำให้เรารู้สึกมีพลัง ไม่น่าเบื่อเลย ตนประทับใจทุกอย่างในงาน มีการจัดช่องเส้นทางวิ่งแบ่งระยะอย่างชัดเจน เป็นมาตรฐานสากลมากทีเดียว
ณัฐวุฒิ บอกอีกว่า ผมประทับใจอาสาสมัครที่ดูแลนักวิ่งทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านจอมบึง นักเรียน นักศึกษา ที่คอยให้กำลังใจ คอยช่วยเหลือนักวิ่งเป็นอย่างดี ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีหลายจุดที่ปักธงสีเดียวไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ มีห้องน้ำให้บริการ ซึ่งทุกจุดจะมีอาสาสมัครคอยดูแล
“ฝากถึงนักวิ่งทุกคนที่อยากจะวิ่งมาราธอนที่จอมบึง หรือที่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญเลยก็คือ การมีวินัยในการฝึกซ้อม และที่สำคัญเลยคือ "ใจ" ห้ามถอดใจเด็ดขาด อย่างผมเองรู้สึกถอดใจตั้งแต่กิโลเมตรที่ 3 แต่ก็คิดได้ว่า ไหนๆ เราก็ตั้งใจมาวิ่งมาราธอนที่นี่แล้ว ก็ต้องทำให้จบ ต้องชนะใจตัวเองให้ได้ นั่นแหละคือ ความภาคภูมิใจ” ณัฐวุฒิ ฝากทิ้งท้าย
“มาราธอนแรก ที่ จอมบึง”
อัจฉรา กีติกุศล วัย 36 ปี และศิริรัตน์ จารุเวทตระกูล วัย 37 ปี คู่ซี๊นักวิ่งทีมไอรัน(Team Airun) บอกถึงความประทับใจของมาราธอนแรกที่จอมบึงว่า เหตุผลที่เลือกวิ่งมาราธอนจอมบึง เพราะตนได้ยินว่าเป็นงานวิ่งที่ดีที่สุดงานหนึ่งในประเทศไทย และที่สำคัญไม่มีการคัทออฟ ทำให้เราวิ่งไปด้วยความสบายใจ และได้ทำเวลาตามที่ใจหวังไว้ด้วย
“ประทับใจเรื่องอาหาร และน้ำดื่มที่มีให้กับนักวิ่ง โดยเฉพาะน้ำดื่มที่มีให้เกือบตลอดเส้นทางของระยะมาราธอนตนจึงไม่ต้องกังวลเลยว่า จะเหนื่อยและหิวน้ำมากเกินไป นอกจากนักวิ่งแฟนซีที่สร้างสีสันในสนามวิ่งแล้ว กองเชียร์เด็กๆ และชาวบ้านน่ารักมาก ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อมาส่งเสียเชียร์ ร้องเพลง เต้นรำเป็นกำลังใจให้กับนักวิ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราหายเหนื่อยและมีแรงที่จะวิ่งต่อจนจบ” อัจฉรา บอกเล่าความประทับใจ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนักวิ่งกว่า 9,000 คน ที่ได้รับประสบการณ์และความประทับใจจากงานวิ่งครั้งนี้ เชื่อเหลือเกินว่า จอมบึงมาราธอนในปีหน้า จะเป็นสนามวิ่งที่จุดประกายแรงบันดาลใจให้กับนักวิ่งและผู้ที่สนใจการวิ่งได้พิสูจน์พลังกายและใจของตัวเอง
เรื่องโดย พิมพ์ชนก ศรเพชร Team Content www.thaihealth.or.th