สัญญาของพ่อ..เลิกเหล้าเพื่อลูก

ใครๆ ก็อยากมีชีวิตดีๆ กันทั้งนั้น แต่การที่จะมีชีวิตดีๆ ได้ ไม่ได้เกิดจากการนั่งคิด นั่งฝัน มโนไปวันๆ แต่ต้องเกิดจากการ "ลงมือทำ"โดยเฉพาะทำสิ่งดีๆ ด้วยตัวเอง ดั่งเช่น "เรื่องจริง" ของผู้ชาย 3 คนนี้ ที่อดีตเคยเป็น "คนขี้เหล้าเมายา" ชีวิตจมดิ่งลงไปกับขวดสุรา แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจหันหลังให้กับ "น้ำเมา" ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ในกิจกรรมรณรงค์ "สัญญาของพ่อ..เลิกเหล้าเพื่อลูก" ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ จัดโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล

เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนัก งานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ปัญหาครอบครัวส่วนหนึ่งเกิดจากการที่พ่อดื่มเหล้า!!! เพราะผลกระทบต่อสุรา ส่วนใหญ่นำมาซึ่งความรุนแรงและความแตกร้าวในครอบครัว

"หากวิเคราะห์สถานการณ์การดื่มสุราและพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อครอบครัว พบว่า สุราส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างร้ายแรง เริ่มจากการด่าทอ ไม่สุภาพ ทำร้ายร่างกาย บางรายต้องแยกทาง หรือถึงขั้นบาดเจ็บพิการและเสียชีวิต" เภสัชกรสงกรานต์กล่าว เมื่อ "พ่อดื่ม" ครอบครัวก็จมดิ่งลงสู่ความทุกข์ แต่เมื่อ "พ่อเลิกดื่ม" คงไม่ต้องบอกว่า ครอบครัวจะดีขึ้นขนาดไหน

"สุพจน์ อัสโม" อายุ 38 ปี อาชีพช่างซ่อมจักรยาน ยนต์ ชาว จ.สมุทรปราการ เล่าชีวิตตัวเองในฐานะผู้เป็นพ่อที่ดื่มหนักมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นว่า เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 18 ปี สาเหตุที่ดื่มเพราะอยากสังสรรค์ เหนื่อยกับงาน จากนั้นดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เมาชนิดหัวราน้ำ หมดค่าเหล้าเบียร์เดือนละ 5-6 พันบาท

เมื่อดื่มหนัก ปัญหาโรครุมเร้าก็ตามมา ทั้งที่อายุยังน้อยๆ ตอนที่ยังดื่มอยู่ มีปัญหาสุขภาพรุมเร้า และโรคเกาต์ที่เป็นอยู่ก็กำเริบหนัก ดื่มจนขยับขาเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ทำงานก็ไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเบียดเบียน "ครอบครัวมีปัญหารายรับไม่พอรายจ่าย เกิดหนี้สินมากมาย" เขาว่า จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกมาขอให้เลิกเพราะไม่อยากให้พ่อตาย สุพจน์ตัดสินใจเลิกทันทีโดยเข้าร่วมโครงการชวนพ่อเลิกเหล้า จนวันนี้เลิกได้เด็ดขาดไม่กลับไปดื่มอีกแล้ว

"พอไม่แตะต้องเหล้าอีกเลย สุขภาพเริ่มดีขึ้น มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนไม่ติดขัดเหมือนก่อน อยากฝากไปถึงคุณพ่อทั้งหลายให้หันมาดูแลครอบครัว หันหลังให้กับเหล้าและอบายมุขที่ทำลายชีวิต ทำลายความฝันความหวังของลูกเมีย" นายสุพจน์กล่าว

ขณะที่ ไพบูลย์ เนียมมณี อายุ 58 ปี แกนนำชุมชนเขตบางกอกน้อย กทม. กล่าวว่า สมัยวัยรุ่นเป็นช่วงที่ดื่มเหล้าหนักมาก ตกเดือนละ 20 วันเป็นอย่างน้อย ทำงานได้เงินมาก็มาลงที่ขวดเหล้า กินเที่ยวไปวันๆ ไม่คิดถึงอนาคต จับกลุ่มกับเพื่อนตั้งวงก๊งเหล้าเสียงดังโวยวายจนคนในชุมชนพากันเอือมระอา จากนั้นพอเริ่มมีครอบครัวก็ทำให้เริ่มคิด และคำพูดของลูกที่ร้องขอทุกวันให้ลดการดื่ม ซึ่งเป็นสิ่งเตือนใจสำคัญ จนสุดท้ายออกห่างและลดปริมาณการดื่มน้อยลงเหลือเพียงอาทิตย์ละครั้ง แม้จะเลิกดื่มไม่ได้เด็ดขาด แต่ก็ลดการดื่มลงไปได้มาก เพราะต้องการทำให้ลูกเห็นว่าพ่อรักลูกอยากทำเพื่อลูก อยากให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่น

"ตอนนี้มิตรภาพในครอบครัวดีขึ้น มีการพูดคุยกัน มีเวลาให้กัน กินข้าวร่วมกัน ความฟุ่มเฟือยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตั้งใจว่าจะเลิกเหล้าเด็ดขาดแล้วเพื่อครอบครัว" นายไพบูลย์กล่าว ปิดท้าย "วิชัช ชูดวง" ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.บ้านตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ก่อนจะมีหน้าที่การงานดีๆ แบบนี้ เขาเคยติดเหล้ามาก่อน ดื่มเหล้าตั้งแต่วัยรุ่น ติดทั้งเหล้า ติดทั้งบุหรี่ ยาเส้น ใบจาก กรองทิพย์ วันหนึ่งสูบบุหรี่ไม่ต่ำกว่า 2 ซอง มีเงินเท่าไหร่เอาไปลงกับเหล้าหมด กระทั่งแต่งงานก็ยังติดเหล้าอยู่

"ผลเสียของเหล้ามีเยอะมาก ตั้งแต่เรื่องงาน รับปากไว้แต่สุดท้ายทำไม่ได้ เป็นหนี้เป็นสิน ผู้ชายโดยมากเวลาเมาแล้วใจเติบ พอเงินหมดก็ยืมเพื่อน แฟนก็ต้องมารับภาระทั้งที่ไม่ได้ก่อ บางคนเที่ยวผู้หญิงด้วย หมดกันเป็นหมื่นๆ ซื้อกับข้าว 300 บาทกินได้ทั้งวัน แต่กินเหล้า 300 บาทครั้งหนึ่งยังไม่พอ"

แต่พอตัดสินใจเลิก วิชัชบอก "ชีวิตเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ" โดยเฉพาะ "ครอบครัว" ที่กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง "เมื่อก่อน วันหยุดอยู่กับเพื่อนทั้งวัน เดี๋ยวนี้ วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว มีเวลาพูดคุยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา กินข้าว ไปเที่ยวกัน เป็นเรื่องราวดีๆ ที่วิชัชบอกว่า "ประเมินค่าเป็นเงินไม่ได้" และตอนนี้เอาเงินเป็นล้านๆ มาให้ก็ไม่กลับไปกินเหล้าอีก "ความรักความอบอุ่นในครอบครัว ดีกว่าเงิน ครอบครัวสำคัญยิ่งใหญ่"

ไม่ใช่แค่ครอบครัว หน้าที่การงานก็ดีขึ้น

"พอเราทำตัวดี งานก็ดี ผมได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน หลังจากเลิกเหล้า ลูกบ้านทุกคนเห็นความตั้งใจ ทุกวันนี้ สามารถพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโครงการเชิดชูเกียรติผู้นำดีเด่นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านของเราเป็นชุมชนต้นแบบที่มีคณะต่างๆ มาดูงานทุกปี"ทุกวันนี้ แม้วิชัชจะภูมิใจในตัวเองที่เลิกเหล้าได้ แต่เมื่อย้อนกลับไปสมัยที่ยังติดน้ำเมา เขาก็ยังคง "เสียใจ" กับการกระทำที่ผ่านมา

"ผมไม่น่าเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านั้น เหมือนเราฆ่าตัวเอง เพราะเหล้าทำให้เป็นโรคความดัน-เบาหวาน เพราะสูบบุหรี่จัดทำให้ปอดมีปัญหา แม้จะเลิกมาแล้ว แต่ผลกระทบจากอบายมุขเหล่านี้มันยังบั่นทอนชีวิตเรา ทำให้เราอยู่กับครอบครัวน้อยได้ลง"

สุดท้าย วิชัชฝากบอกคนที่ยังเห็นเหล้าเป็นสิ่งหอมหวานว่า อย่าไปยุ่งกับมันดีที่สุด อย่าทำร้ายตัวเอง และอย่าสร้างปัญหาให้ครอบครัว อย่าเป็นเหมือนเขา ที่เสียใจกับอดีตที่ผ่านมา เมื่อคิดได้ ก็เกือบจะสายเกินไป ปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ มารักตัวเอง ด้วยการลด ละ เลิกเหล้า ทำสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตดีกว่า

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน