สังเกต “โรคฉี่หนู” ช่วงน้ำท่วม

ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์


สังเกต


แฟ้มภาพ


โรคที่เกิดจากน้ำท่วมขัง หนึ่งในนั้นคือ โรคฉี่หนู ผู้ที่ป่วยเป็นโรคฉี่หนูรุนแรงอาจเสียชีวิตได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแล้วไม่เข้าใจอาการของโรค กว่าจะมารักษาอาจสายเกินไป  มารู้จักว่าโรคนี้เกิดได้อย่างไร และจะสังเกตได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้


ศ.พญ.ยุพิน ศุพุทธมงคล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า โรคฉี่หนู หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคเลปโตสไปโรสิส เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งติดต่อจากสัตว์สู่คนชนิดหนึ่ง เชื้อก่อโรคจะปนออกมากับฉี่ของสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นพาหะ โดยหนูจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญที่สุด จึงเรียกว่า โรคฉี่หนู อย่างไรก็ตามยังมีสัตว์อื่น ๆ  เช่น สุนัข วัว ควาย ก็สามารถแพร่เชื้อมาสู่คนได้เช่นเดียวกัน โดยเชื้อฉี่หนูจะถูกขับออกมากับฉี่ของสัตว์เหล่านี้มาอยู่ในดินหรือน้ำ เมื่อมีฝนตก น้ำท่วมขัง หรือตามสวนไร่นาที่มีน้ำขัง และเชื้อที่ออกมาก็จะมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้นานเป็นเดือน เมื่อคนย่ำน้ำที่มีเชื้อฉี่หนูอยู่ เชื้อฉี่หนูก็จะไชเข้าสู่ผิวหนังและทำให้คนป่วยได้


ผู้ที่ได้รับเชื้อฉี่หนูส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ ผู้ที่มีอาการหรือป่วยจากโรคฉี่หนูจะเริ่มแสดงอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ  และส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรงคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออก เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อต่าง ๆ  ตาแดง เบื่ออาหาร ท้องเสีย ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและมักหายเองได้ภายในเวลา 5 – 7 วัน แต่ก็มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนส่งผลกระทบถึงอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต หรือปอด ทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ เช่น ดีซ่าน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้ปวดศีรษะมาก ชัก ปัสสาวะน้อยจากไตวายได้ เป็นต้น


ฉะนั้น ถ้าท่านมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ มาก โดยเฉพาะบริเวณน่อง และเป็นอาการป่วยหลังจากการย่ำน้ำท่วมขังมาไม่เกินสองสัปดาห์ ท่านควรรีบมาพบแพทย์เพื่อจะได้วินิจฉัยและรักษาโรคฉี่หนูอย่างทันท่วงที โรคนี้แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก ถ้าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงอาจจะยากตรงที่อาการเหมือนไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออกดังที่กล่าวไปแล้ว แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาการจะชัดเจนกว่า ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการซักประวัติผู้ป่วย การตรวจเลือด เอกซเรย์ เพื่อประเมินการทำงานของตับ ไต ปอด


ส่วนการรักษา ถ้าผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง แพทย์จะให้รับประทานยาปฏิชีวนะนาน 7 วัน เพื่อให้หายขาด ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาด้วยยาปฏิชีวนะฉีดเข้าหลอดเลือดดำก่อนในระยะแรกและรักษาอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามสมควร เช่น อาจจะต้องฟอกไต ถ้ามีภาวะไตวายเกิดขึ้น เป็นต้น ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

Shares:
QR Code :
QR Code