สสส. เปิดตัวมาตรฐาน “โรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ”
ชูสโลแกน “ใส่ใจสุขภาพไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม”
มูลนิธิใบไม้เขียว-สสส. เปิดตัวมาตรฐาน “โรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ” ชูสโลแกน “ใส่ใจสุขภาพไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม” รับกระแสท่องเที่ยววาเลนไทน์ ตั้งเป้า ก.ค. นี้ มีโรงแรมเข้าร่วมกว่า 100 แห่ง ขณะที่ผลสำรวจชี้ชัดนักท่องเที่ยว 92% ต้องการพักห้องปลอดบุหรี่
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ห้องอยุธยา โรงแรมอมารีวอเตอร์เกต มูลนิธิใบไม้เขียว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเปิดตัว “มาตรฐานโรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ” โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มอบรางวัล Smoke Free Hotel Heros จำนวน 9 คน
รท.ดร.สุวิทย์ ยอดมณี ประธานมูลนิธิใบไม้เขียว กล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมปลอดบุหรี่มีทั้งหมด 385 แห่ง และมีแนวโน้มขยายผลเปลี่ยนเป็นโรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ คาดว่าในเดือน ก.ค.53 จะมีโรงแรมนำร่องเข้าร่วมกว่า 100 โรงแรม สำหรับมาตรฐานของโรงแรมสร้างเสริมสุขภาพต้องครอบคลุมเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพและบริการที่ไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนของผู้ใช้บริการและพนักงาน มาตรฐานเหล่านี้ยังใช้เป็นคู่มือเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในโรงแรม 9 หมวดหมู่ คือ 1.โรงแรมปลอดบุหรี่ 2.สปาและการนวดสร้างเสริมสุขภาพ 3.สถานที่ออกกำลังกายและสระว่ายน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้ง 4.พนักงานทำความสะอาด 5.ครัวและห้องอาหาร 6.รายการอาหารเพื่อสุขภาพ 7.งานวิศวกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างเสริมสุขภาพ 8.การจัดประชุมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และ 9.รายการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ผลสำรวจของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต่อทัศนคติของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มาพักในโรงแรมระดับ 3-4 ดาว จำนวน 5,550 คน ในโรงแรม 25 แห่ง อาทิ กรุงเทพฯ สุราษฎ์ธานี ภูเก็ต สงขลา กระบี่ พบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกือบ 90% มีทัศนะว่าควันบุหรี่มีผลต่อสุขภาพของคนรอบข้าง 92% ต้องการพักห้องที่ไม่สูบบุหรี่ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่ไม่สูบบุหรี่และต่างสนับสนุนต่อการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในโรงแรม คาดว่าช่วงวันวาเลนไทน์จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าใช้บริการโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการสร้างเสริมสุขภาพมากขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจผู้ใช้บริการโรงแรมปลอดบุหรี่ในสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการพักห้องปลอดบุหรี่ และต้องการให้ภัตตาคารและสถานที่ส่วนรวมของโรงแรมปลอดบุหรี่
“แม้ไทยจะออกกฎหมายคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 17 พ.ศ. 2549 ให้บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมเป็นเขตปลอดบุหรี่ แต่ในทางปฏิบัติผู้ประกอบการอาจกังวลต่อการเข้าพักโรงแรม และกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของประเทศ แต่ผลวิจัยจากทั่วโลกยืนยันชัดเจนว่า นโยบายปลอดบุหรี่ในโรงแรมไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจทุกประเภท แต่กลับทำให้เกิดผลในทางบวกต่อการตอบรับของนักท่องเที่ยว เพราะการสูบบุหรี่ในสถานบริการ หรือโรงแรม นอกจากจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ใกล้ชิดแล้ว ยังทำให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจโดยตรง” ดร.สุปรีดา กล่าว
ผศ.ดร.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และรองประธานมูลนิธิใบไม้เขียว กล่าวว่า โรงแรมที่จะเข้าร่วมโครงการโรงแรมสร้างเสริมสุขภาพ คุณสมบัติเบื้องต้นต้องผ่านการเข้าร่วมโครงการโรงแรมปลอดบุหรี่ในระดับต่างๆ ได้โดยมีเนื้อหาคือ จัดให้มีพื้นที่ปรับอากาศสาธารณะ เป็นพื้นที่ไม่สูบบุหรี่ และติดป้าย ห้ามสูบบุหรี่ ให้เห็นชัดเจนเพื่อ สามารถปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมทั้ง มีการแจ้งให้ผู้ที่มาใช้บริการว่า มีห้องปลอดบุหรี่ให้เลือกได้ตามความต้องการ สำหรับโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02-250-5500 ต่อ 2064 หรือ www.thaigiving.org
ที่มา: สำนักข่าว สสส.
Update: 12-02-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร