สสส.หนุนชุมชนดูแล “ฐานทรัพยากรอาหาร”

ยึดพื้นที่ป่าชายเลนคืน

 สสส.หนุนชุมชนดูแล “ฐานทรัพยากรอาหาร”

            หลังช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกทำลายป่า กระตุ้นชุมชนให้เกิดความตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลน

 

          นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้จัดการแผนงานฐานทรัพยากรอาหาร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยหลังนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมชุมชนบ้านทองหลาง และชุมชนบ้านแหลมหิน ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นชุมชนตัวอย่างในการจัดการฐานทรัพยากรอาหารในท้องถิ่น ว่าทั้ง 2 ชุมชน อยู่ในระบบนิเวศอ่าวพังงาที่มีความสำคัญในระดับประเทศ เพราะมีพื้นที่ป่าชายเลนมากถึงร้อยละ 20 ของพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมดของประเทศ

 

แต่ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มนายทุนบุกรุกเข้าไปทำลายป่าเพื่อทำนากุ้ง และกว้านซื้อที่ดินเปลี่ยนสภาพป่าชายเลนเป็นรีสอร์ท ส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติ เพราะป่าชายเลนเป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นทั้งแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นแหล่งพักพิงอยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด และยังเป็นแหล่งอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ

 

          “ล่าสุด สสส.ได้เข้าไปดำเนินโครงการความมั่นคงทางด้านอาหารชุมชนชายฝั่งอ่าวพังงา โดยร่วมกับชุมชนรักษาทรัพยากรป่าชายเลนและชายฝั่ง เริ่มจากกลุ่มออมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงฟื้นการทำกะปิ หรือ “เคย” เพื่อที่จะให้สมาชิกในชุมชนและภายนอกตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรที่เป็นแหล่งการผลิตเคย ต่อมาขยายไปยังเด็กๆ ในชุมชนที่อยากมีส่วนร่วม จึงเข้าไปช่วยฟื้นฟูป่าชายเลน ปัจจุบันทั้ง 2 ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างมาก สามารถที่จะยึดพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกทำลายโดยนายทุนต่างชาติกลับคืนมาได้” นายวิฑูรย์กล่าว

 

          ด้านนายพิเชษฐ์ ปานดำ ผู้ประสานงานโครงการ กล่าวว่า นโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาลหลังเหตุการณ์สึนามิปี 2547 ส่งผลให้มีการย้ายฐานการลงทุนด้านการท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันตก อาทิ หาดป่าตอง เขาหลัก ไปอยู่ในฝั่งอ่าวพังงา ขณะนี้บริเวณดังกล่าวเกิดรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ท่าเทียบเรือยอชต์ ฯลฯ หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ป่าชายเลนและชายฝั่งอ่าวพังงามีแนวโน้มที่จะเสื่อมโทรมไปเรื่อยๆ

 

          “ขณะนี้ ชุมชนเกิดความตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งอาหาร จึงได้รวมตัวกันและนำมาสู่กิจกรรมต่างๆ เพื่อรักษาฐานทรัพยากรอาหารของชุมชน เช่น การปลูกป่าชายเลน ปลูกกล้วยไม้ป่า ฯลฯ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ผลจากกิจกรรมนี้ ทำให้เกิด “กลุ่มเด็กชายเลรักษ์ป่าชายเลน” ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของท้องถิ่น” นายพิเชษฐ์กล่าว

 

 

 

 

 

 

ที่มา:หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

 

update: 21-10-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code