สสส.ถวายความรู้พระสงฆ์ต้านหวัดฯ 2009
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือทุกครั้ง
แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไม่เพิ่มขึ้น แต่การรณรงค์เพื่อให้คนไทยปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าการระบาดระลอกที่ 2 จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ความทนทานต่ออากาศของเชื้อโรคมีมากกว่า
นั่นจึงทำให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในฐานะคณะอนุกรรมการสนับสนุนการป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (H1N1) 2009 กระจายความร่วมมือในการป้อง กันให้ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการจัดให้มีการเสวนาใน หัวข้อ “มหาเถรสมาคม-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมพลังสู้หวัด 2009” ขึ้น
วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า แถบเอเชียมีแนวโน้มการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ อาทิ อินเดีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับไทย และปัจจุบันมีเพียงจีนประเทศเดียวที่สามารถสกัดวัคซีนจากเชื้อที่ตายแล้วมาใช้เพื่อป้องกันได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาท โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างช่วงนี้ เพราะการระบาดอาจจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งได้
ขณะที่ นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการฯ หวัด 2009 สสส. ระบุว่า นอกจากจะอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้ว การที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน นักศึกษา การไปชุมนุมอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนกวดวิชา ห้างสรรพสินค้า กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ หรือคอนเสิร์ต ล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งสิ้น
“ช่วงปิดเทอมนี้เราไม่สามารถควบคุมได้ว่าเด็กจะไปได้รับเชื้อมาจากที่ใด และเมื่อเปิดเทอมจะนำไปแพร่กระจายต่อในโรงเรียนซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้งได้ และเด็กบางคนก็อาจจะเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนากับผู้ปกครอง ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหลังออกพรรษามักมีงานบุญทั้งกฐิน-ผ้าป่า ซึ่งเป็นการชุมนุมคนจำนวนมากจากหลากหลายที่ จึงมีโอกาสที่ไข้หวัดฯ 2009 จะกลับมาระบาดอีกครั้งเช่นกัน จึงได้มีการจัดเสวนาครั้งนี้ขึ้น”
พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ความจริงเรื่องการใช้ช้อนกลางในการตักอาหารนั้นเป็นหนึ่งในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีมาเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว การถวายความรู้ให้กับพระสงฆ์ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ผลดีในระดับหนึ่ง ต่อไปพระสงฆ์จะสามารถดูแลป้องกันตัวเองและคนรอบข้างได้ด้วย
การที่คณะ อนุกรรมการฯ หวัด 2009 สสส. เลือกจัดการเสวนา โดยได้รับความร่วมมือจากมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพราะ วัดยังคงเป็นทั้งที่พึ่งทางใจและศูนย์รวมของประชาชน การ ถวายความรู้ให้แก่พระสงฆ์ ชั้นผู้ใหญ่ 510 รูปในครั้งนี้ เพื่อนำไปถ่ายทอดและเผยแพร่วิธีการรณรงค์ป้องกัน ไข้หวัดฯ 2009 ทั้งในหมู่พระสงฆ์ทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 250,000 รูป ซึ่งประจำอยู่ในวัด 35,000 วัด
คณะอนุกรรมการฯ ได้สนับสนุนความรู้และผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ไปสู่พระสงฆ์ วัดทั่วประเทศ และพุทธศาสนิกชน โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้
1. ประชาชนที่มาประกอบศาสนกิจในวัดต้องได้รับการคัดกรองไข้หวัดทุกราย
2. ผู้ที่มีอาการไข้หวัดต้องสวมผ้าปิดปากขณะที่ร่วมงาน
3. ผู้ที่ทำหน้าที่คัดกรองต้องรายงานผู้ที่มีอาการไข้หวัดเข้าศูนย์ปฏิบัติงานไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของตำบลทุกครั้งภายใน 2 ชั่วโมง
4. การนำอาหารมาเลี้ยงพระต้องเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ
5. ผู้ที่ยกอาหารให้กับพระรวมถึงฆราวาสจะต้องล้างมือก่อนตักหรือเสิร์ฟทุกครั้ง
6. การถวายอาหารพระต้องมีช้อนกลางทุกครั้ง
การรณรงค์เรื่องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือทุกครั้ง ไม่เพียงทำให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคไข้หวัดฯ 2009 เท่านั้น แต่สถิติของกระทรวงสาธารณสุขยังระบุว่า การเป็นโรคทางเดินอาหารของคนไทยยังลดลงด้วย หากทุกคนสามารถปฏิบัติตามวิธีการง่าย ๆ ทั้ง 3 ข้อได้ และออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองไปพร้อม ๆ กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นหวัดฯ 2009 หรือโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดตามมา โอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคก็จะมีน้อยตามไปด้วย.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update: 29-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่