สภ.ดอยสะเก็ดเปิดตัวกล้องตรวจจับความเร็ว
ที่มา : มูลนิธิ Safer Road
สภ.ดอยสะเก็ดเปิดตัวกล้องตรวจจับความเร็วผ่านถนนเส้น 118 ดอยนางแก้ว-ดอยสะเก็ด ฝ่าฝืนปรับ 1 พันบาท
ภาคีป้องกันอุบัติเหตุจังหวัดเชียงใหม่ชี้ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเส้น 118 ดอยนางแก้ว-ดอยสะเก็ด ชัดเจนขับเร็วตกถนนวันเว้นวัน บาดเจ็บมีสาหัสจนถึงเสียชีวิต พบเหตุส่วนใหญ่ไม่เชื่อป้ายเตือนจำกัดความเร็ว 60 กม.ต่อชั่วโมง ขณะที่คณะทำงานแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน (สอจร.) ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิ Safer Road ประเทศอังกฤษ มอบกล้องตรวจจับความเร็วพร้อมระบบติดตั้งเชื่อมโยงการรายงานติดตั้งช่วงกิโลเมตร 16.5-15.5 กม. บนถนนทางหลวงเส้น 118 ตั้งแต่ กม.15.5 ถึง กม.50โดยการเปิดตัวการใช้ระบบกล้อง ตรวจจับความเร็วตลอด 24 ชั่วโมง จับปรับรถใช้ความเร็วเกิน 80 กม.ต่อ ชม.
นายแพทย์ ธีรวุฒิ โกมุทบุตร กรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงใหม่ และพี่เลี้ยง สอจร.กล่าวว่า ถนนสาย 118 มีอุบัติเหตุเกิดเป็นจำนวนมากที่สุดในลำดับถนนอันตรายในจังหวัด ย้อนหลังไป 3 ปี พบว่า ปี 2557 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 58 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 11 ราย 2557 มีอุบัติเหตุ 73 ครั้ง เสียชีวิต จำนวน 12 ราย ปี 2558 เกิดอุบัติเหตุ จำนวน 66 ครั้ง เสียชีวิต จำนวน 28 ราย โดยในปี 2558 เกิดอุบัติเหตุใหญ่กับรถนักท่องเที่ยวมาเลเซีย มำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 14 ราย คณะทำงานสืบสวนสาเหตุอุบัติเหตุของจังหวัดนำโดย รศ.ดร.ลำดวน ศรีศักดา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมจราจร พบว่า ถนนเส้น 118 มี จุดเสี่ยงอันตรายถึง 5 จุด คือ กม.ที่ 15.5, 22, 35,42 และ 50 คณะทำงานจึงนำเสนอต่อศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเพื่อพิจารณาแก้ไข
ส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แขวงการทางได้พยายามปรับแก้ทางกายภาพของถนน มีการติดตั้งป้ายเตือนก่อนถึงจุดอันตรายเป็นระยะ แต่ยังคงมีเหตุเกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมการขับรถเป็นหลัก เหตุที่เกิดมาจากการขับรถเร็วเกินกำหนด จึงหาทางแก้ไขด้วยการประสานงานกับมูลนิธิ Safer Road ประเทศอังกฤษ ผ่านทางคุณทัศนีย์ ศิลปบุตร ผู้แทนมูลนิธิประจำประเทศไทย และเรียนรู้การทำงานจากจังหวัดขอนแก่นที่ได้รับการสนับสนุนมาก่อนหน้าจนได้รับการสนับสนุนติดตั้งกล้องทั้งระบบที่เหมาะสมต่อการตรวจจับความเร็วของผู้ใช้รถที่ผ่านเส้นทางนี้
สำหรับขั้นตอนการตรวจจับประกอบด้วย
– การติดตั้งกล้องถ่ายภาพบันทึกความเร็วรถตลอด 24 ชั่วโมง
– สัญญาณเรดาร์ตรวจจับความเร็ว รถที่ขับเร็วเกินกำหนด
– ส่งถ่ายข้อมูลจากกล้องมายังคอมพิวเตอร์ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
– ตรวจสอบทะเบียนรถกับฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก
– ออกใบสั่ง
– ตั้งจุดตรวจจับ ปรับทันที หรือส่งไปรษณีย์ ให้ชำระธนาณัติ
นวัตกรรมใหม่ที่แผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดเชียงใหม่ (สอจร.เชียงใหม่) ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิ Safer Road ประเทศอังกฤษ โดย นายไมเคิล วู้ดฟอร์ด ประธานมูลนิธิ มีแนวคิดและนโยบายชัดเจนที่จะช่วยเหลือเมืองและประเทศที่มีจุดเสี่ยงเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อการเดินทาง ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับความช่วยเหลือมาตั้งแต่ พ.ศ.2557 เนื่องจากนายไมเคิล เดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนในเมืองไทยเป็นประจำ และได้พบเห็นจุดเสี่ยงบนถนนที่อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตหลายแห่ง เช่น ถนนสี่พระยา บริเวณใกล้แยกหัวลำโพง ถนนบางสายบนเกาะสมุย ถนนเส้นแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น จึงได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วก่อนหน้านี้
นายไมเคิล วู้ดฟอร์ด ประธานมูลนิธิ Safer Road ประเทศอังกฤษ ได้เข้าพบและหารือ กับ ภาคีป้องกันอุบัติเหตุที่ทำงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในเดือนตุลาคม 2557 ได้แก่ มูลนิธิไทยโรดส์ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย คณะทำงานแผนงานสนับสนุนการป้งกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.) จนได้ข้อมูลจุดเสี่ยงในประเทศไทยอีกหลายแห่งที่ต้องได้รับการแก้ไข ทางมูลนิธิ Safer Road จึงให้การสนับสนุนมาจนถึงปัจจุบัน โดยสนับสนุนงบประมาณให้กับพื้นที่ดังนี้
จังหวัดขอนแก่น สนับสนุน กล้องตรวจจับความเร็ว 4 จุดบนถนนมิตรภาพ และระบบกล้องวงจรปิดในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น
จังหวัดภูเก็ต สนับสนุน เครื่องมือวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จำนวน 39 เครื่อง ปืนตรวจจับความเร็ว แก้ไขจุดเสี่ยง 8 จุด
จังหวัดเพชรบุรี สนับสนุน การจัดสร้างวงเวียนบริเวณเขตเทศบาลบ้านแหลม และ อบต.หาดเจ้าสำราญ
จังหวัดนครสวรรค์ สนับสนุน การจัดดสร้างวงเวียนสี่แยกเก้าเลี้ยว จุดเสี่ยงอันตรายเกิดเหตุบ่อยครั้ง
จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุน การปรับแก้ภูมิทัศน์ บริเวณตลาดแม่ริม และล่าสุดคือ การสนับสนุนระบบตรวจจับความเร็ว Radar Speed LED display warning sign ที่ กม.16.5 และ Speed Enforcement Camera กม.15.5
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของไทยกำลังได้รับความสนใจทั้งจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น บุคลากรในพื้นที่ส่วนจังหวัดบูรณาการการทำงานร่วมกัน จากการผลักดันสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จนเกิดผลเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่ ขณะที่หน่วยงานสากลอย่าง องค์การอนามัยโลก มูลนิธิบลูมเบิร์ก และมูลนิธิ Safer Road จากต่างประเทศ หันมาให้ความสนใจกับการสนับสนุนเชิงเทคนิคและงบประมาณมากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากกานชนของยานพาหนะบนถนนลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2563