สธ.เตือนภัยระวัง”โรคพิษสุนัขบ้า”

หากถูกกัดรีบฉีดวัคซีนป้องกันทันที

 

          สธ.เตือนภัยระวัง “โรคพิษสุนัขบ้า” ปีที่แล้ว มีคนตาย 15 ราย ชี้หากถูกสุนัขบ้ากัด ต้องรีบฉีดวัคซีนป้องกัน หากปล่อยถึงขั้นป่วย โอกาสรอดชีวิตไม่มี เพราะโรคนี้ไม่มียารักษา

 

          นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า (rabies) หรือที่เรียกว่าโรคหมาว้อ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าเรบี (rabies virus) หลังถูกกัดแล้วเชื้อจะเดินทางไปตามเส้นประสาทเข้าสู่สมอง ทำให้มีอาการทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อเกิดอาการแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ โอกาสตาย 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มียารักษา ในปี 2550 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 15 ราย ใน 12 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต โดยแนวโน้มจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าลดลงจากปี 2549 ซึ่งมี 26 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตร้อยละ 92 อยู่ในช่วงอายุ 15-45 ปี ส่วนใหญ่ถูกลูกสุนัขวัย 3 เดือนกัด ในปี 2551 นี้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า

 

          นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า เมื่อคนถูกสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน เลีย หรือน้ำลายของสุนัขกระเด็นเข้าแผล หรือเข้าทางรอยขีดข่วน เยื่อบุตา จมูก ปาก หลังติดเชื้อจะแสดงอาการป่วยโดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 4 เดือนบางรายอาจเกิดอาการหลังถูกกัดเพียง 4 วัน โดยถูกกัดแล้วต้องรีบฉีดวัคซีนทันที

 

          นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประเมินปัญหาของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย พบว่าสัตว์ที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อมากที่สุดร้อยละ 96 คือสุนัข รองลงมาเป็นแมว พบได้ร้อยละ 3 โดยเฉพาะลูกสุนัขทุกอายุ มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับสุนัขโต

 

 

 

 

 ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ภาพประกอบ : www.thaihealht.or.th

 

update 24-03-51

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ