สธ.ร่วมมือ สสส. ชวนคนไทย ฝึกสติ สร้างสุข ลดโรค

สธ. ชวนคนไทยฝึกสติ นำเทคนิค “รู้ลมหายใจและรู้ในกิจที่ทำ” ขณะทำกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน  ช่วยให้สุขภาพกาย-ใจแข็งแรง  ลดป่วย ลดเครียด ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เกิดจาก“พฤติกรรมเนือยนิ่ง” และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตปีละหมื่นกว่าราย  แก้ไขได้ง่ายด้วยการเคลื่อนไหวร่างกาย


สธ.ร่วมมือ สสส. ชวนคนไทย ฝึกสติ สร้างสุข ลดโรค thaihealth


แฟ้มภาพ


เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ชัยพร  พรหมสิงห์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ(ด้านการส่งเสริมสุขภาพ) กรมอนามัย   นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิตและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าว  “ ชวนคนไทย ฝึกสติ สร้างสุข  ลดโรคพร้อมกันทั่วประเทศ” เนื่องในสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2558


ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า นับแต่ปี 2532 เป็นต้นมา รัฐบาลได้มีมติให้ทุกวันที่ 1-7 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ซึ่งปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต ได้นำแนวคิด เรื่อง “สติ” (Mindfulness) มาใช้สร้างสุขในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะนำมาใช้กับกิจกรรมทางกาย (Physical Activity: PA) วิธีการฝึกทำได้ง่าย ด้วยเทคนิค “ฝึกให้รู้ลมหายใจและรู้ในกิจที่ทำ”ในขณะทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพที่สำคัญ สามารถป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคติดต่อไม่เรื้อรัง(NCDs) หากนำ “สติ” ไปใช้ประกอบร่วมด้วย จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้ง 4 ด้านคือทางกาย ทำให้กิจกรรมทางกายรวมทั้งการออกกำลังกายเป็นไปได้อย่างเบิกบานใจ ไม่น่าเบื่อ มีความปลอดภัย และทำได้ประจำมากขึ้น  ทางจิตใจ ทำให้จัดการต่อความเครียดได้ดี ทางสังคม ช่วยให้มีสติในการสื่อสารและทำกิจต่างๆอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น ทางจิตวิญญาณ เป็นรากฐานในการพัฒนาความรู้จักพอ รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงในชีวิต และ  ปล่อยวางได้


ทั้งนี้  จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยในปี2558 พบว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหาร สูบบุหรี่ ดื่มสุรา และมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย  ที่เรียกว่า “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” ส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์และการเดินทาง นอกจากทำให้มีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนรวมร้อยละ 30  ยังพบว่าทำให้ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 4 โรคคือความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจขาดเลือด และมะเร็งรวมกันถึงร้อยละ 25   ด้านสุขภาพจิตล่าสุดพบประมาณ 9 แสนคนเป็นโรคซึมเศร้าประมาณ 1.6 ล้านคน เป็นโรควิตกกังวล  ทั้งนี้ ถ้าใจเครียดจะส่งผลต่อกาย นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆได้ และเมื่อกายป่วย ก็ส่งผลต่อจิตใจ หากไม่สามารถปรับตัวให้อยู่กับการเจ็บป่วยทางกายได้ ใจก็ยิ่งป่วยถึงขั้นซึมเศร้า เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง


ด้านนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า  จากการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่า ผู้ที่ฝึกสติเป็นประจำ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง ทำให้มีความสงบมากขึ้น       ลดความเครียด และ ซึมเศร้าลงได้ โดยกรมสุขภาพจิต มีโปรแกรมพัฒนาสติเพื่อสุขภาพแบบง่าย เช่น การฝึกเดินอย่างมีสติ   การฝึกกินอย่างมีสติ  การฝึกสำรวจความรู้สึกของร่างกาย  หรือ การฝึกสติในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการตึงเครียด ไม่สะสมเรื้อรังจนก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เป็นต้น  ขณะนี้ มีองค์กรภาครัฐและเอกชน นำโปรแกรมการสร้างสุขด้วยสติไปใช้ในการพัฒนาองค์กร อาทิ บริษัท โรงเรียน โรงพยาบาล ในปีนี้ตั้งเป้าดำเนินการในองค์กร 20 แห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน  ผู้ประกอบการ รวมทั้ง องค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ


ด้านนายแพทย์ชัยพร  พรหมสิงห์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย  กล่าวว่า  กิจกรรมทางกาย เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน เช่น การขึ้นบันได การเดิน ปั่นจักรยาน การลุกยืน เดินไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เป็นต้น  จากการสำรวจพบว่า คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอลดลงจากร้อยละ 85 ในปี 2550 เหลือเพียงร้อยละ 62-68 ในปี 2552-2557  เป็นสาเหตุทำให้คนไทยเสียชีวิตถึง 11,129 รายในปี 2552 และยังนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรัง โดยกลุ่มคนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยที่เรียกว่า “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” (sedentary behavior) เช่น การนั่งเล่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ นั่งประชุม  เป็นต้น มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้น จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทำแผนยุทธศาสตร์กิจกรรมทางกายแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2559-2563 ตั้งเป้าให้คนไทยมีระดับกิจกรรมทางกายที่เพียงพอเพิ่มจากร้อยละ 68 เป็นร้อยละ 75 ในอีก 5 ปีข้างหน้า และมีพฤติกรรมเนือยนิ่งลดลงร้อยละ 10 โดยจะเสนอร่างแผนยุทธศาสตร์นี้ต่อคณะรัฐมนตรีในต้นปี 2559 ต่อไป


ด้าน นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า   กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) กว่า  1 ล้าน 4 หมื่นคนทำงานใกล้ชิดกับประชาชนในชุมชน ได้เน้นให้นำแนวคิดสติ รู้ในกิจที่ทำ มาประกอบกับกิจกรรมทางกาย ไปขยายผลในชุมชนผ่านทางการออกกำลังกายในชมรมผู้สูงอายุ ชมรมออกกำลังกาย เช่น ชมรมเต้นแอโรบิก รำไม้พอง เกิดเป็นหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง ลดป่วย ลดโรค ลดค่าใช้จ่ายของประเทศและช่วยสร้างเศรษฐกิจโดยรวมประเทศ


รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ พิพิธกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.ได้ร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต นำมิติด้านสุขภาวะทางจิตไปประสานกับสุขภาวะทางกาย ผ่านโปรแกรมการทำกิจกรรมทางกายอย่างมีสติ มีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศหลายชิ้นที่แสดงถึงผลต่อสมองและอารมณ์ในเชิงบวก จากการทำกิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายอย่างมีสติ ทำให้เกิดประสิทธิภาพและความสุขที่เพิ่มมากขึ้นในการทำกิจกรรมทางกายในรูปแบบต่างๆ อาทิ เดิน วิ่ง ปั่นจักรยานอย่างมีสติ ทั้งนี้สสส.ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเพื่อต่อยอดงาน ด้วยการนำโครงการการทำกิจกรรมทางกายอย่างมีสติ (Mindfulness in Physical Activities) ไปใช้นำร่องในกลุ่มประชากรและพื้นที่ต่างๆ กับเครือข่ายกิจกรรมทางกาย ได้แก่ ชมรมผู้สูงอายุ 72 แห่ง โรงเรียนในโครงการเด็กไทยแก้มใส 544 แห่ง โรงเรียนพื้นที่ขาดโอกาส 50 แห่ง โรงเรียนรักเดิน 20 แห่ง องค์กรไร้พุง 20 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 338 แห่ง และจะขยายไปสู่พื้นที่ตำบลสุขภาวะอีก 2,500 แห่ง และองค์กรสุขภาวะทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีอยู่กว่า 4,000 แห่ง ด้วยการนำชุดคู่มือ สื่อ และวิทยากร ไปให้ความรู้ในการนำสติไปประยุกต์ใช้กับการทำกิจกรรมทางกาย รวมถึงอบรมนักวิ่งหน้าใหม่ (Training of the Trainers) ในคลินิกนักวิ่งในสวนสาธารณะ 10 แห่ง นอกจากนี้ยังได้เตรียมที่จะสนับสนุนให้มีการพัฒนางานวิชาการเพื่อนำเสนอหัวข้อ Mindfulness in Physical Activities ในการประชุม ISPAH  Congress ครั้งที่ 6 หรือการประชุมวิชาการนานาชาติว่าด้วยกิจกรรมทางกายและสาธารณสุข ครั้งที่ 6 ในวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ  ทั้งนี้ สสส. จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานและภาคีเครือข่ายเพื่อให้โครงการนี้ขยายผลสู่ประชาชนในวงกว้างขึ้น เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเข้าถึงสุขภาวะทางจิตและปัญญา


การทำกิจกรรมทางกาย หากนำ “สติ” ไปใช้ประกอบร่วมด้วย ย่อมช่วยให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี  จึงขอเชิญชวนร่วมกิจกรรมเรียนรู้แนวทางการฝึกสติ พร้อมฟังเสวนาจากประสบการณ์จริงของคนดัง เช่น คุณสมจิตร    จงจอหอ นักมวยโอลิมปิกเหรียญทอง คุณครูกุ๊กกี๊ พัชรมน นักสู้โรค และ คุณจุ๋ม ปอยเด้ง รวมทั้ง ชม Mini Concert จากศิลปินชื่อดัง“โจ-ก้อง” และ “ดันดารา” ในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2558 มหกรรมความสุข : สติสร้างสุข “ชีวิตดี๊ดี…ถ้ามีสติ” ระหว่างวันที่ 1-2 พ.ย. ณ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หัวลำโพง ตั้งแต่เวลา 13.00-19.00 น. โดยพี่น้องส่วนภูมิภาคสามารถเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติกันได้ที่หน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ย. นี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในตอนท้าย


 


 


ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

Shares:
QR Code :
QR Code