สธ.พบผู้ป่วยหวัดใหญ่กทม.สูง5เท่าตัว

สธ.พบผู้ป่วยหวัดใหญ่กทม.สูง5เท่าตัว 

          เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมกระทรวงสาธารณสุขถึงโรคไข้หวัดใหญ่ว่า ตั้งแต่ มกราคม-25 กันยายน 2553 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสม 66,090 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 12,127 ราย เสียชีวิตสะสม 94 ราย เป็นไข้หวัด 2009 จำนวน 85 ราย สำหรับวันที่ 19 -25 กันยายน 2553 จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 นอกจากนี้ ยังพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มที่ ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ และนครนายก

 

          สำหรับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่รายภาค พบที่ กทม.สูงสุด คิดอัตราป่วยเป็น 103.55 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งสูงกว่าภาคอื่นกว่า 5 เท่าตัว ส่วนภาคกลาง อัตราป่วย 19.90 ต่อแสนประชากร ภาคเหนือ 13.31 ต่อแสนประชากร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.48 ต่อแสนประชากร และภาคใต้ 3.90 ต่อแสนประชากร

 

          ทั้งนี้ ได้กำชับให้กรมควบคุมโรคเร่งประสานการทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิด จัดการรณณรงค์ให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่

 

          ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้ มีผู้มารับบริการแล้ว 1,534,000 โดส คิดเป็นร้อยละ 75 ของวัคซีน 2.1 ล้านโดส ส่วนที่เหลือจะต้องดำเนินการให้ครบตามเป้าหมายภายในวันที่ 31 ต.ค. 53 คาดว่าประมาณกลางเดือนตุลาคม 53 วัคซีนจะหมด เนื่องจาก มีกลุ่มเสี่ยงเข้ามารับบริการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดหาวัคซีนเพิ่มอีกประมาณ 200,000 โดส

 

          สำหรับในช่วงปิดเทอม ซึ่งคาดว่าอาจมีการระบาดในโรงเรียนกวดวิชานั้น ที่ประชุมครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการกำชับให้สถานศึกษาที่อยู่ในความดูแล ทั้งภาครัฐ เอกชน และโรงเรียนกวดวิชา ดำเนินการตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำ ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย

 

          รวมทั้ง การหลีกเลี่ยงการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในพื้นที่แออัด หยุดเรียน หยุดงาน หากมีอาการป่วยให้รีบพบแพทย์ และให้ตรวจคัดกรองนักเรียนก่อนเข้าเรียนทุกครั้ง หากพบเด็กป่วยไม่อนุญาตให้เข้าเรียน และต้องหยุดเรียนหากพบว่าโรงเรียนหรือสถาบันใดมีความจำเป็นจะต้องปิดเรียนก็ขอให้ดำเนินการได้เลย

 

          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดวัคซีนฯ กระทรวงฯให้บริการเฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยง ส่วนประชาชนทั่วไปขอให้ใช้มาตรการป้องกันตนเองโดยหมั่นล้างมือ หากป่วยให้ใส่หน้ากากอนามัยและอยู่บ้าน ในโรงเรียน โรงงานให้คัดกรองเด็กป่วย คนงานป่วย และให้หยุดอยู่บ้าน หากปฏิบัติได้ตามมาตรการที่กำหนดภายใน 1 เดือนมั่นใจจะลดการระบาดของโรคได้

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

 

 

 

update: 28-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code