‘สตูลโมเดล’ จัดการตนเอง-ยั่งยืน-มั่นคง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ thaipr.net


'สตูลโมเดล' จัดการตนเอง-ยั่งยืน-มั่นคง thaihealth


ภาพเหตุการณ์มหาธรณีพิบัติภัย "สึนามิ" เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม เมื่อปี พ.ศ.2547 ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทยหลายคน โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามันที่ได้รับความเสียหายมากมาย


แม้จะมีหลายชุมชนได้รับผลกระทบอย่างเช่น ชุมชนในพื้นที่จังหวัดสตูล แต่พวกเขากลับไม่ยอมแพ้ พร้อมลุกขึ้นมาบริหารจัดการชุมชนให้ฟื้นขึ้นมาอยู่รอดได้แบบยั่งยืน จนเป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่นๆ นำโมเดลความสำเร็จไปสู่การปฏิบัติ


นายสมพงษ์ หลีเคราะห์ ผู้ประสานงานโครงการสร้างชุมชนบริหารจัดการตนเองในพื้นที่ประสบพิบัติภัยสึนามิ เล่าผ่านกิจกรรมเวที "คน ทะเล สตูล-มิติจัดการตนเอง" ที่สวนสาธารณะหาดราไว ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การฟื้นฟูชุมชนหลังการเกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ที่มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องหลังปี 2547 ผ่านโครงการสร้างชุมชนบริหารจัดการตนเองในพื้นที่ประสบพิบัติภัยสึนามิ โดยมี 3 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดสตูล, จังหวัดตรัง และจังหวัดระนอง เป็นโครงการที่เข้ามาขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และผ่านมายังมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อท้องถิ่น เข้ามาขยับเขยื้อนให้ชุมชนอยู่รอด สามารถดำเนินชีวิตอย่างคนปกติ พร้อมสนับสนุนส่งเสริมด้านอาชีพให้ทุกชุมชน และชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบยั่งยืน


'สตูลโมเดล' จัดการตนเอง-ยั่งยืน-มั่นคง thaihealth


โดยชุมชนในจังหวัดสตูลที่ประสบความสำเร็จมีดังนี้ โมเดลการจัดการตนเองรายกลุ่ม (พื้นที่) บ้านบุโบยจัดการตนเองผ่านการจัดการธนาคารปูม้า, โมเดลการจัดการตนเองบ้านหนองปรือ จัดการตนเองโดยใช้อ่าวทุ่งนุ้ยเป็นฐาน, โมเดลการจัดการตนเองโดยวงสภากาแฟ, โมเดลการจัดการพื้นที่ตำบลขอนคลาน จัดการตนเองผ่านสภาองค์กรชุมชน เป็นต้น


ทั้งนี้ ภายในงาน "คน ทะเล สตูล-มิติจัดการตนเอง" ได้มีเวทีเสวนาเรื่อง "จัดการตนเองในมิติของจังหวัดสตูล" เพื่อสะท้อนภาพชุมชนจัดการตนเองเชื่อมกับมิติจังหวัดได้อย่างไร โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล, รศ.ดร.ปาริชาติ วลัยเสถียร ที่ปรึกษาโครงการชุมชนบริหารจัดการตนเอง, อาจารย์ประยูร โขขัด สมัชชาคนสตูล, อาจารย์สมศักดิ์ เส็นดาโอ๊ะ นักวิชาการอิสระและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดสตูล ปี 2519 และนายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี ผู้จัดการสมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย


นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (อบจ.สตูล) กล่าวว่า แนวโน้มของกฎหมายก็พยายามสนับสนุนส่งเสริมองค์กรภาคชุมชนให้รู้จักจัดการตนเองให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ในส่วนของ อบจ.หรือท้องถิ่น ทุกวันนี้ก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว อบต.ก็ดูแลระดับพื้นที่ อบจ.ก็ดูแลในภาพรวม เราพยายามดูว่าสิ่งไหนที่พอจะนำลงมา สิ่งไหนที่พอจะช่วยได้ การเกิดองค์กรชุมชนที่เข้มแข็งลักษณะนี้ ก็เป็นประเด็นที่ดีมากที่จะทำให้ชุมชนทำงานเข้มแข็งขึ้นมาด้วย เหมือนกับว่า "เกาถูกที่คัน" ถ้าชุมชนมีการรวมตัวเป็นสภาองค์กรชุมชน สามารถเข้าถึงรากหญ้า มีการปรึกษาหารือประเด็นต่างๆ สร้างข้อเสนอรวมของโครงการต่างๆ เสนอไปที่ท้องถิ่น อบต. อบจ.  โอกาสที่พวกเราจะเกาถูกที่คันก็มากขึ้น


'สตูลโมเดล' จัดการตนเอง-ยั่งยืน-มั่นคง thaihealth


"ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว ความเข้มแข็งไม่ได้อยู่ในระดับตำบล ต้องอยู่ระดับหมู่บ้าน เพราะถ้าหมู่บ้านเข้มแข็งแล้ว มันจึงจะเกิดสภาองค์กรชุมชนตำบลที่เข้มแข็ง เพราะฉะนั้นต้องเริ่มที่หมู่บ้านจึงเกิดความเข้มแข็ง" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลกล่าว


อาจารย์ประยูร โขขัด สมัชชาคนสตูล ให้ความเห็นเรื่องจัดการตนเองให้เกิดความยั่งยืนว่า เรื่องแรกคือเรื่องรากเหง้า คือประวัติของทะเลแต่ละแห่ง เราควรจะรู้จัก โดยเฉพาะคนรุ่นหลังต้องรู้จักรากของตนเอง นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้ปลูกฝังในวิถีชีวิต ส่วนที่สอง เรื่ององค์ความรู้ที่มีมากมายต้องมีการจัดการ และสาม กระบวนการทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องของความยั่งยืน


"ชุมชนมีกระบวนการที่มีการเคลื่อนไหวมากมาย มีองค์กรอิสระที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายจำนวนมาก องค์กรอิสระเหล่านี้ก็วิ่งเข้ามาในชุมชนของเราแต่ละตำบล หมู่บ้าน เอางานมาให้ชุมชนทำมากมายจนเราไม่สามารถจัดการได้ ที่อยากฝากไว้คือ ชุมชนมีกระบวนการทำงานเพื่อรับกับสิ่งเหล่านี้ที่วิ่งเข้ามาให้สำเร็จ" สมัชชาคนสตูลกล่าว


อาจารย์สมศักดิ์ เส็นดาโอ๊ะ ได้ให้ความเห็นในฐานะเคยผ่านงานการเมืองว่า ถ้าเราใช้การเมืองภาคปกครองอย่างเดียวมันไม่ได้ แต่เราคิดว่าการเมืองภาคพลเมือง เราจะทำอย่างไรให้มีส่วนร่วม ซึ่งการจัดการตนเองไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม โอกาสประสบความล้มเหลวก็จะมีมากกว่าความสำเร็จอย่างแน่นอน


รศ.ดร.ปาริชาติ วลัยเสถียร กล่าวว่า ถ้าเรามีข้อมูลที่สำคัญในการจัดการตนเองที่เริ่มจากสิ่งที่ทำเองได้ ประสานในท้องถิ่น กับ อบจ. หรือเทศบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยังเห็นความหวัง เพราะตรงนี้เป็นงานระยะใกล้และทำได้จริง ความสัมพันธ์ที่เข้าใจกัน อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รับสั่ง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เราคุยในพื้นที่ของเราแบบพี่แบบน้อง และเรามีข้อมูลมายืนยันว่า เราไม่ได้เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเอง มันมีน้ำหนักที่จะรับฟังและทำงานร่วมกัน และเป็นชัยชนะที่ทุกคนได้ร่วมกัน


ส่วนที่ยื่นข้อเสนอนโยบายสาธารณะระดับชาติก็ว่าไป นโยบายสาธารณะระดับท้องถิ่นก็ยังทำได้ และการเชื่อมประสานที่จะขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่ นับว่าเป็นความหวังในการจัดการตนเอง และการทำอย่างนี้บ่อยๆ ขึ้นก็น่าจะบรรลุเป้าหมายว่าคนเก่งขึ้น ในการวิเคราะห์ การเชื่อมประสาน การเรียนรู้ การสร้างความสัมพันธ์ และเมื่อเราเก่งขึ้น ปัญหาก็จะคลี่คลาย และเราจะมีกลไกเข้ามาร่วมตามความเหมาะสม ตามความชำนาญ นั่นก็คือเป็นกลไกจัดการตนเองอย่างยั่งยืนมากกว่า


นี่คือ "ต้นแบบชุมชนบริหารจัดการตนเองในจังหวัดสตูล" ถือว่าเป็นพื้นที่ "นำร่อง" ให้เห็นกระบวนการอย่างเป็นรูปแบบ และเป็นความหวังของท้องถิ่นไทยที่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ผู้สนใจติดตามข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.scbfoundation.com

Shares:
QR Code :
QR Code