สงกรานต์เข้ม ดื่มแล้วขับ = เสี่ยงติดคุก รณรงค์พื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์ ลดอุบัติเหตุ
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส. สานพลังเมาไม่ขับ-ภาคี เดินหน้ารณรงค์ลดอุบัติเหตุ “ดื่มไม่ขับ-ไม่ขับเร็ว” สงกรานต์ 2568
วันนี้ 10 เมษายน 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ ) มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานซึ่งบรรยากาศในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องอันตรายจากการเมาแล้วขับ มีสติ๊กเกอร์แผ่นพับและคู่มือการเดินทางสงกรานต์อย่างไรให้ปลอดภัย
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน และมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านฉลองสงกรานต์จำนวนมาก ทางกระทรวงคมนาคมจึงดูแลเรื่องความปลอดภัยอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงคมนาคม มีนโยบายที่สำคัญคือต้องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน โดยจะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ต้องปลอดจากแอลกอฮอล์ ตรวจเข้มในเรื่องการเมาแล้วขับ การขับรถเร็ว การโทรแล้วขับ ฯลฯ หากตรวจพบว่าพนักงานขับรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ จะมีการลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือนหรือพักงาน
“ผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการขับขี่รถที่สูงกว่าผู้ขับขี่รถทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเจตนาที่จะละเมิดกฎแห่งความปลอดภัย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วฐานดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ และผิดกฎหมายขนส่งโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว
นอกจากนั้นแล้ว นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยังเปิดเผยอีกว่า กระทรวงคมนาคม เห็นด้วยที่จะมีแก้ไขกฎหมายเมาแล้วขับ ให้มีบทลงโทษที่หนักขึ้น โดยเฉพาะคนที่เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิตต้องถูกจำคุกเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับ
ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องจัดการคนที่เมาแล้วขับอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ที่คิดจะเมาแล้วขับ ไตร่ตรอง ฉุกคิด ประเมินความเสี่ยงว่าคุ้มหรือไม่ ที่จะเสี่ยงละเมิดกฎหมายเมาแล้วขับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าศาลทั่วประเทศใช้ดุลพินิจในการตัดสินลงโทษคนที่เมาแล้วขับ โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเมาแล้วขับซ้ำซาก หรือคนที่เมาแล้วขับไปชนคนเสียชีวิต ด้วยโทษสถานหนัก จำคุกไม่รอลงอาญา หรือกรณีเมาแล้วขับใช้โทษกักขัง โดยเฉพาะในช่วง 7 วันอันตราย กักขัง 7 วัน ตนเชื่อว่า คนเมาบนท้องถนนจะลดลงไปอย่างมาก
นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,044 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,060 ราย และเสียชีวิต 287 ราย โดยสาเหตุหลักมาจากขับเร็วเกินกำหนด 41.49% ดื่มแล้วขับ 22.7% และตัดหน้ากระชั้นชิด 18.1% สงกรานต์ 2568 ที่จะถึงนี้ สสส. ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับและภาคีเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 100 เครือข่าย แสดงความห่วงใยถึงผู้เดินทางกลับภูมิลำเนา และขอผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ออกมาตรการดูแลความปลอดภัย พร้อมรณรงค์ “ดื่มแล้วขับ อาจเป็นฆาตกร” กระตุ้นสังคมให้ตระหนักถึงผลกระทบจากแอลกอฮอล์ที่ทำให้สมองตอบสนองต่อการขับขี่ช้าลง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต ทั้งนี้ ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยงขณะขับขี่ สามารถส่งคลิปมายังช่องทางต่างๆ เช่น เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร โดยผู้กระทำผิดที่ถูกบันทึกคลิปวิดีโอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและติดตามมาดำเนินคดีทุกกรณี