สคอ.เร่งลดอุบัติเหตุ หวังยกระดับเศรษฐกิจชาติ
การรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่เพียงแต่ช่วยลดความสูญเสียชิวิต และทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติอีกด้วย
แต่ทว่ายังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากไม่ตระหนักถึงปัญหาเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติก็ตาม สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) องค์กรภาคสังคมที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และสร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ในการรณรงค์เฝ้าระวังป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้ออกมารณรงค์ให้คนไทยรับรู้และตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) หนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่าปัจจุบันความรุนแรงจากอุบัติเหตุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่คนทั้งประเทศยังไม่รับรู้และไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ขณะที่กลไกของภาครัฐ ซึ่งเป็นโครงสร้างต่างๆ ไม่เอื้อต่อการทำงาน สคอ.จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้มีการขยับกลไกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าการแก้ไขปัญหาบนถนนจะมีสูตรสำเร็จอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้การบังคับใช้กฎหมาย การแก้วิศวกรรมด้านจราจร การติดตามประเมินผล และการมีระบบช่วยเหลือฉุกเฉินที่ปลอดภัย นอกจากนี้ จะเร่งประสานกับสื่อมวลชนทุกสาขาทั้งสื่อส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค เพื่อให้ช่วยเผยแพร่สถานการณ์และปัญหาอุบัติเหตุให้ทั้งประเทศเข้าใจอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้ สคอ. ได้หนุนแนวความคิดของตำรวจในการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ให้เพียงพอ รวมถึงแก้ไขกฎหมายในบางประเด็น ซึ่งขณะนี้ยังพบว่าผู้ที่ดื่มสุราและขับรถ ยังมีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นต้องนำผู้ที่ดื่มแล้วขับรถออกจากบนถนนให้ได้ ด้วยการเพิ่มโทษกับผู้ที่กระทำความผิด ผลักดันให้ตำรวจมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงพัฒนาองค์กรที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ ความเข้าใจในกฎหมาย และใช้ความรู้มาเป็นฐานการทำงานให้มากขึ้น”
หากถามถึงความพร้อมการรับมือลดปัญหาอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ผอ. สคอ. กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงมีเรื่องประจวบเหมาะ 2 เรื่องใหญ่ คือ ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และภาคีเครือข่าย ผลักดันให้เกิดมาตรการองค์กรสวมหมวกนิรภัย 100% ในภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการลงนาม mou กันเร็วๆ นี้ ส่วนที่สองจะเป็นการจัดประชุมสัมมนาอุบัติเหตุชาติ ระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม ศกนี้ พร้อมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องภาคีเครือข่ายทั้งที่มีผลงาน และสนใจเข้ามาร่วมงานกันที่ ไบเทค บางนากรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นการสร้างความตื่นตัวและเตรียมงานการรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ไปพร้อมๆ กัน
“ช่วงเทศกาลอุบัติเหตุจะมีความรุนแรงกว่าช่วงวันปกติประมาณ 2 เท่า วันนี้มีอัตราสูญเสียประมาณ 30-50 รายต่อวันซึ่งส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ร้อยละ 80 ฉะนั้นผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซค์จึงมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชน วัยรุ่น สคอ.จึงพยายามที่จะเกาะติดกลุ่มเป้าหมายนี้อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สื่อที่ผลิตจึงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นหลัก ส่วนกลุ่มผู้ใช้แรงงาน สคอ. ก็ไม่ได้ละเลย พร้อมเร่งให้ภาครัฐขยับกลไกที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะ 5 เสาหลักที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้ตำรวจดำเนินการอย่างเข้มข้นภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งปีนี้เชื่อว่าน่าจะดำเนินการ 3 เดือนแรกก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ สนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังจากเกิดเหตุ”
ขณะเดียวกัน สคอ. ก็จะทำงานกับสื่อมวลชนให้มากขึ้นเพื่อให้สื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเปลี่ยนรูปแบบการรายงานใหม่ จากรายงานตัวเลขเจ็บตาย มาเป็นการรายงานที่ลงลึกถึงปัญหา สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น รถ คน หรือถนนที่ไม่มีประสิทธิภาพ และมาตรฐาน พฤติกรรมการดื่มสุราและมาขับรถ ขับรถย้อนศร การขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น ซึ่งจะต้องร่วมมือกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องผลักดันให้หน่วยงานนั้นๆ ทำงานอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะขับรถ อย่างน้อยจะต้องรู้ว่าพร้อมหรือเปล่า มีความรู้มีทักษะมากน้อยแค่ไหน รถมีประสิทธิภาพ และได้รับการตรวจสภาพครบถ้วนหรือไม่ขณะเดียวกันการวางแผนก่อนเดินทางมีความสำคัญมากเพราะถ้าเร่งรีบเกินไป ใจร้อนเกินไป จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นควรพึ่งตัวเองให้มากที่สุด “ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท”จึงเป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนไม่ควรมองข้าม
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ