ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ-ศวปถ.-มสช. ชำแหละผลสำรวจนักซิ่ง

พร้อมเสนอทางออกรับมืออุบัติเหตุช่วงปีใหม่2553

 

 

ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ-ศวปถ.-มสช. ชำแหละผลสำรวจนักซิ่งศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯเปิดผลสำรวจสิงห์มอเตอร์ไซค์ปี 52 กว่า 47% ไม่แคร์คนซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อคตามกฎหมาย 1 ใน 3 เชื่อตำรวจไม่จับ อ้าง อึดอัด-ร้อน-ขับขี่แค่ใกล้ๆ ชี้ตำรวจตั้งด่านจับ ทำคนสวมหมวกฯมากขึ้น สสส.เสนอตั้งด่านเป็นมิตร กฎหมายต้องเข้ม รับปีใหม่

 

ดร.ปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล นักวิจัย ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เปิดผลสำรวจพฤติกรรม การรับรู้และทัศนคติของผู้ใช้รถจักรยานยนต์โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษต่อการไม่สวมหมวกนิรภัยขณะนั่งโดยสารซ้อนท้าย ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ว่า กลุ่มตัวอย่างผู้ใช้รถจักรยานยนต์เขตกรุงเทพ และในเขต อ.เมือง จังหวัด สระบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา เชียงใหม่ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช รวม 3,757 ราย แบ่งเป็นผู้ขับขี่ 2,429 ราย ผู้โดยสาร 1,328 ราย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือน พ.ย.-มิ.ย. 2552 พบว่า คนไทย 85% รู้กฎหมายที่เพิ่งออกมาว่าผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันน็อค แต่ในจำนวนนี้มีถึง 32%หรือ 1 ใน 3 ระบุว่า แม้ผิดแต่ตำรวจไม่จับกุม ขณะที่อีก 15 % ไม่รู้กฎหมาย ดังนั้นจึงทำให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 47% ไม่ให้ความสำคัญต่อการสวมหมวกกันน็อคของผู้ซ้อนท้าย และ 46%เท่านั้นที่ทราบว่ามีบทลงโทษทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย

 

ดร.ปิยพงษ์ กล่าวว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 66% เห็นด้วยต่อการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ 28% เห็นว่าควรมีข้อยกเว้น เช่น ขับขี่ในพื้นที่ใกล้ๆหรือผู้ซ้อนท้ายเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ ส่วนเหตุผลของการไม่สวมหมวกนิรภัย ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เป็นการขับขี่ระยะใกล้ๆ รองลงมาคือ ไม่มีหมวกนิรภัย อึดอัด ไม่สบายตัว และการบังคับใช้กฎหมายไม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายมีแนวโน้มจะสวมหมวกนิรภัยเป็นประจำหากเห็นว่ามีการตั้งด่านตรวจเกือบทุกวัน และรู้สึกว่าหากไม่สวมหมวกนิรภัยมีโอกาสถูกเรียกตำรวจจับสูง ดังนั้นการสวมหมวกกันน็อคจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่อาจถูกจับกุมของผู้ขับขี่

 

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลเฝ้าระวังการบาดเจ็บของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข เก็บข้อมูลจากผู้บาดเจ็บรุนแรงอายุ 15 ปีขึ้นไปที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 30 แห่งทั่วประเทศ พบว่า ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์บาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตสูงกว่าผู้ขับขี่ถึง 2.5 เท่า ทั้งนี้ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยจะเสียงต่อการเสียชีวิตถึง 92.8 % และผู้ซ้อนท้ายจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง 96.8% และในผู้บาดเจ็บกลุ่มนี้ได้รับการบาดเจ็บที่ศีรษะถึง 80.6% ซึ่งอัตราการเสียชีวิตในช่วงกลางวันจะสูงถึง 85% นอกจากนี้ยังพบว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยที่ไม่สวมหมวกนิรภัย อยู่ที่ 15,992 บาท หรือประมาณ 3 เท่า ของผู้ที่สวมหมวกนิรภัย

 

ดร.สุปรีดา กล่าวว่า นอกจากนี้ข้อมูลองค์การอนามัยโลก ยังระบุว่า ไทยเป็นหนึ่งใน 70 ของประเทศทั่วโลกที่มีกฎหมายหมวกนิรภัยที่สมบูรณ์ โดยมีข้อกำหนดให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง รวมทั้งกำหนดให้มีการควบคุมมาตรฐานของหมวกนิรภัย แต่มีรายงานการสวมหมวกนิรภัยเพียง 27% เท่านั้น ดังนั้นเพื่อเป็นการลดจำนวนอุบัติเหตุควรเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซ้อนท้ายที่มีโอกาสได้รับบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุไม่น้อยไปกว่าผู้ขับขี่ และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการกวดขันวินัยจราจรโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 นี้ นอกจากนี้อาจเปลี่ยนจากวิธีตั้งด่านมาเป็นวิธีการสุ่มเวลาและสถานที่จับแทน เนื่องจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่มีทัศนคติทางลบต่อการการตั้งด่านตรวจจับของตำรวจ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงควรสร้างค่านิยมที่เป็นมิตรกับผู้ขับขี่หากถูกจับกุม รวมทั้งรณรงค์ต่อเนื่องถึงปัญหาการบาดเจ็บศีรษะจากการไม่สวมหมวกนิรภัย

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าว สสส.

 

 

Update 21-12-52

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

Shares:
QR Code :
QR Code