วิธีดูแลสุขภาพผิวตัวเองง่ายๆ ในช่วงฤดูฝน

          ฤดูฝนในประเทศไทยมักจะมีอากาศร้อนสลับกับเย็น รวมถึงความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น เป็นผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหลายอย่างตามมา เช่น ไข้หวัด หรืออาการภูมิแพ้ต่างๆ

/data/content/24667/cms/e_bdilnpuwxz59.jpg

          ปัญหาด้านผิวหนังและผิวพรรณ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในฤดูฝน หลายท่านอาจรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษในฤดูฝน แต่จริงๆ แล้วฤดูนี้มีหลายสิ่งที่ทำร้ายผิวสวย เช่น น้ำฝน ซึ่งมีฝุ่นละออง สารเคมี รวมถึงเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมากมาย หากเราสัมผัสน้ำฝนสิ่งที่ปนเปื้อนย่อมเป็นอันตรายต่อผิวเราได้

          นอกจากนี้ เมื่อผิวหนังเปียกชื้นจะทำให้ความสามารถในการป้องกันเชื้อโรคและการปรับตัวต่อปัจจัยกระทบภายนอกต่างๆ น้อยลง ทำให้ง่ายต่อการเกิดปัญหาทางด้านผิวหนัง เช่น สิว โรคเชื้อรา โรคน้ำกัดเท้า ผื่นผิวหนังอักเสบ ฉะนั้น คุณผู้หญิงจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดกับเราอยู่เสมอ 

/data/content/24667/cms/e_fhoprtxz1235.jpg          เริ่มจากการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ หากคุณผู้หญิงผมเปียกจากการตากฝน การเช็ดผม หรือปล่อยให้แห้งเองนั้น ยังไม่เพียงพอ ขอแนะนำให้สระผมเลยจะดีกว่า เนื่องจากในน้ำฝนอาจมีเชื้อไวรัสปนเปื้อนมาด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่มักทำให้เราเป็นหวัด การสระผมจะล้างเชื้อไวรัสออกจากเส้นผม หลังจากนั้นควรเช็ดผม หรือไดร์ให้แห้งทุกครั้ง ไม่ควรนอนขณะที่ผมยังเปียก เพราะอาจทำให้หนังศีรษะมีความชื้นและก่อให้เกิดเชื้อราได้ ข้อสังเกตว่า คุณผู้หญิงอาจมีเชื้อราบนศีรษะ คือ มีสะเก็ดแห้งๆ บนหนังศีรษะและมีอาการคันศีรษะ เส้นผมบริเวณนั้นหักออกเหลือเป็นตอสั้นๆ ติดหนังศีรษะ บางคนอาจมีอาการอักเสบรุนแรงจนถึงเป็นก้อนคล้ายฝี ถ้านำผมบริเวณนั้นไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่ามีเชื้อรา ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวก็ควรไปพบแพทย์ทันที

          ผิวพรรณ ปัญหาที่พบบ่อยคือ การเป็นสิวเพิ่มขึ้น เพราะความชื้นสูงในอากาศจะทำให้เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวเจริญเติบโตได้ดี ประกอบกับเมื่อผิวหน้าสัมผัสน้ำฝนที่มีเชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือสารเคมี ก็ยิ่งทำให้เกิดสิวได้ง่าย การดูแลผิวหน้าจึงควรเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้า โดยทำเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน หลีกเลี่ยงการขัด หรือถูหน้าอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว หากมีสิวห้ามกดหรือแกะโดยเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดรอยแดง หรือดำ รวมถึงแผลเป็นจากสิวได้

          นอกจากนี้ หากผิวหน้าเปียกน้ำฝนก็ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดโดยเร็ว ไม่ควรขยี้ตาในขณะที่ใบหน้าหรือมือเปียกฝน เพราะน้ำฝนมีสิ่งปนเปื้อนมากมาย อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตาได้ หากเสื้อผ้าที่สวมใส่เปียกฝนก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะเสื้อผ้าที่เปียกฝนอาจก่อให้เกิดเชื้อราที่ผิวหนังได้ โดยเมื่อถึงที่พักแล้ว ควรอาบน้ำเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกหลังจากที่เปียกฝน

/data/content/24667/cms/e_adinowx13679.jpg          ลักษณะผื่นที่คุณผู้หญิงควรสังเกต ได้แก่ วงด่างสีขาว หรือสีเนื้อ ในบางคนอาจขึ้นเป็นวงสีน้ำตาลร่วมกับมีขุยสีขาวเล็กๆ ซึ่งมักเกิดบนผิวหนังหน้าอกและลำตัว อาจมีอาการคันร่วมด้วยได้ ซึ่งนอกจากดูไม่สวยงามแล้วยังทำให้เสียบุคลิก ผื่นชนิดนี้เป็นลักษณะของโรคเกลื้อน แม้ในยามปกติจะไม่ก่อโรคร้ายแรง แต่หากอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมก็อาจมีปริมาณมากและเรื้อรังกว่าที่คิด สำหรับคนที่มีน้ำหนักมาก หรือภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน อาจเกิดผื่นสีแดงขึ้นตามบริเวณข้อพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือใต้ราวนม และอาจมีอาการคันมาก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในกลุ่มแคนดิดา หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาต่อไป

            วิธีดูแลสุขภาพผิวตัวเองง่ายๆ ในช่วงฤดูฝน จะเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาผิวพรรณในฤดูฝนมาจากน้ำฝนที่มีการปนเปื้อน หรือการปล่อยให้ผิวหนังอับชื้นเป็นเวลานาน ดังนั้น การป้องกันที่สำคัญอันดับแรก คือ หลีกเลี่ยงการตากฝน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบถอดเสื้อผ้าที่เปียก แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย หลังจากนั้นจึงเช็ดตัวให้แห้ง การโรยแป้งฝุ่นสามารถช่วยลดความชื้นและการเสียดสีได้ นอกจากนี้ การเลือกเสื้อผ้าและถุงเท้าควรเลือกที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ไม่หนาเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี

           การได้เป็นเจ้าของผิวพรรณที่นวลเนียนสดใส ล้วนเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงทุกคน หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่าน และสามารถนำไปปรับใช้เพื่อเตรียมรับมือกับทุกฤดูฝน ไม่ว่าจะเป็นฤดูฝนนี้ หรือฤดูฝนไหน

 

 

           ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ โดย นพ.พูลเกียรติ สุชนวณิช หน่วยโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี

           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code