“วิทิสาสมาธิ”เด็กทำได้ ผู้ใหญ่ทำดี
“วิทิสาสมาธิ”เด็กทำได้ ผู้ใหญ่ทำดี
เชื่อมั่นว่าเทศกาลเข้าพรรษานี้เป็นจังหวะและโอกาสดี ที่จะเริ่มต้นน้อมนำธรรมะเข้ามาปฏิบัติในการดำเนินชีวิต หากสามารถตั้งมั่นปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้ จะนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมที่ดีได้เช่นกัน เมื่อเร็วๆ นี้มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) ร่วมกับสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม และสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัวสสส.จัดโครงการ“ทำ-มะ 2600 ปีแห่งการตื่น 26 วันเปลี่ยนชีวิต” ชวนคนไทยได้เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมปฏิบัติศีลในหลากหลายวิธีสร้างความมุ่งมั่นท้าทายพลังกิเลสในตัว ในระยะเวลา 26 วัน
ชูชาติ พูลเจริญ หัวหน้าโครงการ “วิทิสาสมาธิ” ทำมะ 26 วัน ฝึกตนพ้นอบายมุข กล่าวว่า สมาธิมีความสำคัญในฐานะเป็นตัวผลิตพลังจิตให้แก่ผู้ปฏิบัติ เพื่อได้ใช้พลังจิตไปทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและคนอื่น และรวมถึงสังคม ประเทศชาติและโลก แต่จากสภาพการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันมักยุ่งอยู่กับการทำงาน ภารกิจต่างๆ จนอ้างกันจนติดปากว่าไม่มีเวลา หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร หรือพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลญาณ จึงได้คิดวิธีการทำสมาธิที่คนทั่วไปสามารถทำได้แบบง่ายๆ “วิทิสาสมาธิ”หรือสมาธิไฮเทค ที่คนทั่วไปไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ทำได้ในทุกที่และทุกโอกาสที่เหมาะสม
“การทำวิทิสาสมาธิใช้เวลาครั้งละ 5 นาที วันละ 3 ครั้ง ใน 1 วัน ซึ่งเป็นโครงการของสถาบันพลังจิตตานุภาพที่เข้าร่วมในโครงการ “ทำ-มะ 2600 ปีแห่งการตื่น 26 วันเปลี่ยนชีวิต” โดยทำโครงการร่วมกับสถานศึกษา ซึ่งมีสถานศึกษาเข้าร่วม จำนวน11 แห่ง โรงเรียนวัดบางโฉลงในและโรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม อ.บางพลี จ.สมุทรปราการซึ่งเป็น 2 ใน 11 แห่ง ได้ให้เด็กนักเรียนนั่งสมาธิทุกวันก่อนเข้าเรียนในช่วงเช้ากลางวัน และช่วงเย็นก่อนกลับบ้าน 3 เวลา ครั้งละ5 นาที เนื่องจากการทำสมาธิของเด็กนั้นไม่ควรใช้เวลามากจนเกินไป เพียงแค่ 5-10 นาที ก็ถือว่าพอดีแล้ว ทำให้เด็กไม่เบื่อและเกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมทางกายภาพและการเรียนดีขึ้น” ชูชาติกล่าว
น้องลูกตาล -พันธิตา โกศลสมบูรณ์ชั้น ป.6 โรงเรียนวัดบางโฉลง เล่าว่า ทุกเช้านักเรียนในโรงเรียนจะร่วมกันสวดมนต์แผ่เมตตา และนั่งสมาธิ โดยการนั่งสมาธิจะใช้เวลาไม่นานช่วงเช้า กลางวัน และเย็นซึ่งหลังจากที่ได้นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง รู้สึกมีสมาธิกับการเรียนดีขึ้น และได้กลับไปชักชวนให้คุณพ่อ กับคุณแม่ที่บ้านนั่งสมาธิซึ่งคุณแม่ก็ร่วมนั่งสมาธิด้วย จึงอยากให้ทุกโรงเรียนมีกิจกรรมแบบนี้เพราะช่วยให้เด็กเรียนหนังสือรู้เรื่องมากขึ้น
น้องอาร์ท- ธีรพัฒน์ บัวรี ชั้น ป.6 โรงเรียนวัดบางโฉลง กล่าวว่า สวดมนต์แล้วสบายใจ ผมชอบ อยากทำ เพราะทำให้สมาธิดีขึ้น เป็นกิจกรรมที่ผมคิดว่าทำให้เราได้สะสมบุญ ไม่รู้สึกว่าเป็นการเสียเวลาหรือเสียดายที่ไม่ได้เล่นเต็มที่ในเวลาพักเที่ยงเพราะเราใช้เวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้งเพียง 5-7 นาที เท่านั้น
ด้านพรรณนา แสงนภาเพ็ญ ครูกลุ่มสาระสังคม โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม กล่าวว่า โรงเรียนนำ “วิทิสาสมาธิ” เข้าสู่กิจกรรมทุกๆ เช้า และ ในวันศุกร์จะมีการร่วมทำบุญตักบาตรด้วย กิจกรรมที่โรงเรียนเข้าร่วมเราต้องการให้เด็กนักเรียนรู้สติของตนเอง การบังคับจิตว่าอยู่ตรงไหนอธิบายให้เด็กเข้าใจอย่างง่ายว่า จิตก็คือนายของเราเอง ในแต่ละวันเราตามใจนายมากแค่ไหน สามารถบังคับอารมณ์ของ ตนเองได้หรือไม่ นอกจากนี้โรงเรียนยังใช้การร้องเพลง เช่นเพลงดอกไม้บาน การสวดมนต์ ซึ่งถือเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งเชื่อมโยงเข้าไป และใช้วิธีการ “ฝึกน้อยๆ ซ้ำๆย้ำนานๆ” ให้เด็กไม่เบื่อและรู้สึกไม่อยากทำ ดังนั้น การเริ่มกิจกรรมในตอนเช้าๆ ทำให้ เด็กเกิดจิตที่เป็นสมาธิเมื่อเข้าห้อง เรียนก็จะเรียนหนังสือได้ดีขึ้น ผลการเรียนของเด็กก็ดีขึ้นด้วย
หลักการของวิทิสาสมาธิสามารถนำไปใช้ได้ทั้งกับผู้ใหญ่และเด็กๆ เพราะไม่เพียงแต่จะใช้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ในการปฏิบัติ แต่หลายเสียงยืนยันแล้วว่า นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้จริง ทดลองนำวิธีฝึกสมาธิแบบไฮเทคไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะได้พบการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง