วิจัยเผยชายเป็น ‘มะเร็ง’ สูงกว่าหญิง

เหตุความอ้วน-สูบบุหรี่

 

 วิจัยเผยชายเป็น ‘มะเร็ง’ สูงกว่าหญิง

          สถาบันวิจัยโรคมะเร็งอังกฤษเผยผลการศึกษาใหม่ พบชายมีโอกาสเกิดมะเร็งและตายสูงกว่าหญิง พบแนวโน้มมะเร็งที่เกิดกับทั้ง 2 เพศคร่าผู้ชายสูงกว่าผู้หญิงถึง 70%

 

          เครือข่ายศึกษาวิจัยด้านโรคมะเร็งแห่งชาติ (the nation cancer intelligence network) และสถาบันวิจัยโรคมะเร็งของอังกฤษ เปิดเผยรายงานการศึกษาใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายมีแนวโน้มต้องจบชีวิตเพราะโรคมะเร็งมากกว่าผู้หญิง โดยมะเร็งที่พบได้ในทั้ง 2 เพศคร่าชีวิตผู้ชายสูงกว่าผู้หญิงประมาณ 70% จากที่เดิมเชื่อกันว่าความเสี่ยงระหว่างทั้ง 2 เพศเท่าเทียมกัน

 

          รายงานดังกล่าวมีขึ้นในโอกาสสัปดาห์สุขภาพเพศชาย (men’s health week) ของอังกฤษ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนักวิจัยเชื่อว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากผู้ชายมักไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของตัวเองต่อแพทย์ และได้รับการรักษาเมื่อโรคก้าวหน้าไปมากแล้ว อีกทั้งผู้ชายยังมีความตั้งใจจริงน้อยกว่าผู้หญิงที่จะหันมาปรับปรุงการใช้ชีวิตให้ถูกสุขอนามัยที่ดี แม้ว่าปัจจัยสำคัญของการเกิดมะเร็งมาจากความอ้วนและการสูบบุหรี่ และสรีระของผู้ชายไม่ได้อ่อนแอต่อโรคมะเร็งมากกว่าผู้หญิงก็ตาม

 

          ทั้งนี้ การศึกษาล่าสุดมาจากวิเคราะห์ตัวเลขการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในอังกฤษช่วงปี 2007 และตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ในปี 2006 พบว่าผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งตั้งแต่เริ่มแรกสูงกว่าผู้หญิง 16% และมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิง 40%

 

          หลังจากนั้นได้แยกมะเร็งที่เกิดขึ้นเฉพาะเพศหญิงและเพศชาย เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งมดลูก และมะเร็งที่เกิดในเพศใดเพศหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดออกไป เช่น มะเร็งเต้านม ผลที่ได้พบว่าความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เพศยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้น

 

          โดยผู้ชายมีโอกาสเกิดมะเร็งสูงกว่าถึง 70% และมีโอกาสเสียชีวิตถึง 70% มะเร็งเหล่านั้นได้แก่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งผิวหนัง มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งสมอง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (non-hodgkin’s lymphoma) และมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งชนิดมัลติเพิล มัยอีโลมา (multiple myeloma) และลูคีเมีย (leukemia)

 

          ซารา ไฮโอม ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลสถาบันวิจัยโรคมะเร็งอังกฤษ รายงานว่า ผู้ป่วยมะเร็งครึ่งหนึ่งอาจสามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของตัวเอง แต่สิ่งที่กังวลคือผู้ชายมักไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้

 

 

update 16-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code