วิจัยเชิงคุณภาพ ‘เปลี่ยน’ วิธีคิด

ที่มา : หนังสือ ‘บันทึกระหว่างทาง การสรรค์สร้างสุขภาพชุมชน’ โดย มูลนิธิชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


วิจัยเชิงคุณภาพ \'เปลี่ยน\' วิธีคิด thaihealth


วิจัยเชิงคุณภาพเปลี่ยนวิธีคิด รับฟังคนรอบข้างมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น


คุณกัลยา ไชยสัตย์ รพ.สต.เวียง อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เขียนเอาไว้ในหนังสือ ‘บันทึกระหว่างทาง การสรรค์สร้างสุขภาพชุมชน’ โดย มูลนิธิชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า การวิจัยเป็นสิ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเรียน อยากจะทำวิจัยให้ได้สัก 1 เรื่อง ในชีวิตของการทำงานถือได้ว่าเป็นโอกาสดีของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเครือข่ายตระการพืชผล ที่ท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์สุรพร ลอยหา และท่านสาธารณสุขอำเภอตระการพืชผล หัวหน้าประสพ สารสมัคร ได้มีนโยบายให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง มีงานวิจัย 1 เรื่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้พัฒนาด้านวิชาการ และเพื่อพัฒนางานด้านสาธารณสุข และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เรียนรู้การทำวิจัย ได้เริ่มต้นการทำงานวิจัยให้เป็นงานประจำ เพื่อแก้ไขปัญหางานสาธารณสุข


กลุ่มเป้าหมายที่อบรมการวิจัยเชิงคุณภาพประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพยาบาลจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 30 คน พยาบาล เภสัชกร โภชนากรจากโรงพยาบาลตระการพืชผล จำนวน 17 คน และพยาบาลจากโรงพยาบาลศรีเมืองใหม่ จำนวน 5 คน รวมทั้งหมด 52 คน แต่ละคนได้พกเอาความไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำวิจัยได้หรือเปล่า บางคนมาตามคำสั่งหัวหน้าให้มาอบรมแทน หัวหน้ากำหนดชื่อเรื่องวิจัยให้เสร็จเรียบร้อย มาแล้วมาเจออาจารย์ปู่ (อาจารย์นายแพทย์ทวีศักดิ์ นพเกสร จากมหาวิทยาลัยนเรศวร) ซักปัญหา ที่มาของปัญหา อาจารย์บอกว่าให้เอาปัญหาจากการที่เราทำงานเจอปัญหาอะไรให้หยิบปัญหานั้นมาเป็นโจทย์ในการทำวิจัย ซักไปซักมาหลายคนเครียดมาก บางคนร้องไห้ หลายคนคงถอดใจ (ผู้จัดเจองานหนักเข้าแล้ว)


ทางผู้จัดได้เชิญอาจารย์นิวัต จากมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสอนเรื่องการหาปัญหาของการทำวิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมของผู้เข้ารับการอบรม จัดพี่เลี้ยงคือบุคลากรที่อยู่ในโรงพยาบาลตระการพืชผลและสาธารณสุขอำเภอตระการพืชผล คอยช่วยดูแล ให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการอบรม มีการจัดระบบเพื่อนช่วยเพื่อน จัดกลุ่มช่วยเหลือกันเองตามความสมัครใจชอบใจไปช่วยกันเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งก็ได้กินลาบเป็ดรสแซ่บ และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลก็ได้เรียนรู้การทำวิจัยไปด้วย ได้จัดอาจารย์ที่ปรึกษาให้แต่ละกลุ่ม เชิญอาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี คืออาจารย์สะอาด อาจารย์จากสำนักควบคุมโรคติดต่อที่ 7 อุบลราชธานี นายแพทย์สุระศักดิ์ และอาจารย์จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และอาจารย์สุพัฒน์ จากโรงพยาบาลนาหว้า จังหวัดนครพนม เพื่อชี้แนะแนวทางในการทำวิจัยเชิงคุณภาพ


ผู้เข้าอบรมการวิจัยมีความแตกต่างกัน ทั้งอายุการทำงาน น้องๆ นักวิชาการหลายคนพึ่งเข้ามาทำงานได้ปีกว่า ประสบการณ์ทำงานพี่พยาบาลมีมากกว่า แต่ทุกคนที่เข้ามาเรียนได้ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ที่แต่ละคนมีภายในกลุ่ม เช่น พี่พยาบาลได้เรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จากน้องๆ ทำให้ทำงานเสร็จเร็ว ดังคำพูดของพี่พยาบาล “ผลดีของการคบเด็กทำให้งานที่อาจารย์ปู่สั่งทำแป๊บเดียวก็เสร็จ” และน้องๆ นักวิชาการได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจากพี่ๆ พยาบาล ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน ดั่งคำพูดของพี่พยาบาล “น้องๆ เขาเรียนๆ เล่นๆ เขาทำงานเสร็จก่อนเราอีก พี่ๆตั้งหน้าตั้งตาเรียนแต่ทำงานเสร็จทีหลังน้อง” หลายครั้งดิฉันเห็นอาจารย์ปู่มองดูน้องๆ แล้วอาจารย์ก็ยิ้ม (ปกติอาจารย์จะไม่ค่อยยิ้ม) อาจารย์บอกว่า “เด็กพวกนี้เรียนๆ เล่นๆ เขาก็ทำงานเสร็จตามที่อาจารย์สั่งนะ”


และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดของการทำวิจัยเชิงคุณภาพ คือวันที่ทุกคนได้นำเสนอผลการวิจัยของตัวเอง แบ่งการนำเสนอเป็น 3 ห้อง โดยห้องที่ 1 ห้องประชุมพนาพินันท์เล็ก มีอาจารย์สุพัฒน์ เป็นผู้วิพากษ์ ห้องที่ 2 ห้องประชุมพนาพินันท์ห้องใหญ่ อาจารย์หมอสุรศักดิ์ เป็นผู้วิพากษ์ และห้องที่ 3 ห้องหอไตร อาจารย์อู่ทอง จากโรงพยาบาลภูกระดึงเป็นผู้วิพากษ์ ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนมีความตั้งใจที่จะนำเสนอผลงานวิจัยของตัวเอง และได้รับคำชมจากอาจารย์ทุกท่านว่านักเรียนรุ่นนี้เก่งมาก เรียนรู้ได้เร็ว ซึ่งผู้จัดเองได้ยินคำพูดจากอาจารย์แล้วหายเหนื่อยหัวใจพองโต นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จัดการอบรม และกำลังรอชื่นชมผลงานของพี่ๆ และน้องๆ ที่จะไปนำเสนอผลการวิจัยในระดับโซน ระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ ซึ่งทำวิจัยเพียง 1 เรื่อง แต่สามารถที่จะไปนำเสนอได้หลายเวที และนำไปลงวารสารได้อีกหลายเล่ม แม้จะเหนื่อย เครียด กับการทำวิจัยแต่ผลที่ได้รับคุ้มค่ามาก ที่สำคัญการทำวิจัยเชิงคุณภาพเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการทำงาน รับฟังคนรอบข้างมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น

Shares:
QR Code :
QR Code