วางแผนเคลื่อนงาน ปี 61 เพื่อสานพลังประชารัฐให้เข้มแข็ง
ที่มา : พัชรี บอนคำ team content www.thaihealth.or.th
แฟ้มภาพ
ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีคำสั่งให้มีการขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อสังคม โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่งตั้งคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 โดยมีคณะทำงานย่อยใน 5 ประเด็นเร่งด่วน (5 Quick Win) ดังนี้ 1.การส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้พิการ 2.การส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้สูงอายุ 3.การออมเพื่อการเกษียณอายุ 4.ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัย และ 5.ความปลอดภัยทางถนน ที่ได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงเดือนกันยายน 2560
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสภาหอการค้าไทย ผู้แทนทีมภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดการประชุมคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ครั้งที่ 3/2560 ขึ้น เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในประเด็นเร่งด่วนทั้ง 5 ประเด็น (5 Quick Win)
ซึ่ง กระทรวง พม. ถือเป็นแกนหลักของภาครัฐในการเชื่อมและประสานความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมไทย โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวเปิดงานว่า ในการขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือร่วมกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม และจากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า คณะทำงานมีการประชุมกลุ่มย่อย ตลอดจนการประชุมหารือพิเศษ และการประชุมเชิงปฏิบัติการรวมทั้งสิ้น 61 ครั้ง ทำให้ผลการดำเนินงานมีการขับเคลื่อนและสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการจ้างงานทั้งผู้สูงอายุและผู้พิการ ซึ่งการประชุมในวันนี้ถือได้ว่าเป็นการสรุปผลการดำเนินงานและวางเป้าหมายการทำงานในปี 2561 ต่อไป
“ในปี 2561 จะมีการขับเคลื่อนงานต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาทั้ง 5 ประเด็น โดยเฉพาะการเร่งให้เกิดการจ้างงานผู้สูงอายุและผู้พิการให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น รวมถึงดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมขับเคลื่อนในการส่งเสริมที่อยู่อาศัย รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนที่จะทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งจะสอดรับกับยุทธศาสตร์เรื่องบ้าน 20 ปี โดยให้ประชารัฐ คือ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม” รัฐมนตรีฯ กล่าว
ด้าน สสส. ที่ถือเป็นตัวแทนของภาคประชาสังคม โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) เป็นคณะทำงานสานพลังประชารัฐคณะที่ 13 ซึ่งเป็นคณะที่มีภาคประชาสังคมเข้ามาทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน ดำเนินงานในประเด็นเร่งด่วน (5 Quick Win) ให้ส่วนของประชาสังคมได้เข้ามาทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน จากการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา มีตัวอย่างการดำเนินงานที่เด่นชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานและผลงานที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคม อาทิ การจ้างงานผู้สูงอายุที่มีการจ้างงานมากถึง 36,476 คน ซึ่งคิดเป็น 93.52% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะขยับเพิ่มขึ้นในปีถัดไป ภาคประชาสังคมได้เข้าไปสร้างต้นแบบต่างๆ อันนำไปสู่การประสานงานของทั้ง 3 ภาคส่วน และในส่วนของภาครัฐก็ได้มีการปรับแก้ระบบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็นำส่วนที่บกพร่องมาแก้ไข เพื่อการดำเนินงานในปีถัดไป
“แนวทางดำเนินงานในปี 2561 ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ได้ร่วมวางแผนใน 5 มาตรการให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น สิ่งที่เรียนรู้ในปีแรกจะถูกนำมาขยายผล ควบคู่ไปกับการเสริมมาตรการใหม่ๆ เข้ามา คือ โครงการจิตอาสาประชารัฐ จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในภาวะลำบากทุกประเภทในชุมชนที่มีมากกว่า 54,587 คน ให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือ ผ่านศูนย์จิตอาสาประชารัฐที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ” ดร.สุปรีดา กล่าว
นอกเหนือจากนี้ นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย ผู้แทนภาคเอกชน ได้กล่าวถึงกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนงานว่า การทำงานในครั้งนี้ บริษัทเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกองค์กรทำงานด้วยความเต็มใจ พร้อมที่จะขับเคลื่อนงานให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยมีการสร้างความเข้าใจกับบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในการจ้างงานคนพิการ โดยในวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดงาน “สานพลังบริษัทจดทะเบียน เพื่อสังคมไทยยั่งยืน” ได้เชิญบริษัทกว่า 400 องค์กร มาร่วมแสดงบทบาทสำคัญของภาคธุรกิจที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความมั่นคง เข้มแข็งและความปลอดภัยในชีวิต ทั้งในรูปแบบของการช่วยเหลือผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจและการตอบแทนช่วยเหลือสังคม โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ และการเสวนาจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน พร้อมโชว์ผลงานร่วมพัฒนาสังคมของบริษัท จดทะเบียนและโครงการประชารัฐเพื่อสังคม และในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการจัดงาน “Japanese Executive Dinner Meeting” กับบริษัทญี่ปุ่น 66 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการในบริษัทรัฐวิสาหกิจด้วย
เห็นได้ว่าการทำงานเพื่อพัฒนาสังคม ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนทุกคน มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เติมเต็มศักยภาพพร้อมในการที่จะขับเคลื่อนประเทศต่อไป