วันหนึ่งคุณอาจจะเป็น “ผู้รับ” หรือ “ผู้ให้”
กับโครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน ยังเป็นประโยคที่ใช้ได้กับทุกเรื่องราว โดยเฉพาะชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ที่ไม่ทราบว่าวันใดวันหนึ่ง อาจเจ็บป่วนด้วยโรคภัยได้ แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์ได้คิดค้น วิธีการป้องกันหรือรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความพยายามในการสร้างอวัยวะของมนุษย์ ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อนำมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่อวัยวะสำคัญเสื่อมสภาพ ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต
จากสถิติการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะของประเทศไทย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2550 พบว่ามีผู้รอรับอวัยวะอยู่ถึง 2,251 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยโรคไตวายระยะสุดท้ายที่ต้องรอการปลูกถ่ายไตใหม่ 1,947 คน ผู้ป่วยโรคตับ 246 คน หัวใจ 14 คน หัวใจ-ปอด 26 คน ปอด 7 คน ไต-ตับ 6 คน และไต-ตับอ่อน 5 คน
ในขณะที่แต่ละปีมีผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะไม่ถึง 200 คน ในปี 2550 นับตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2550 นี้ มีผู้ป่วยเพียง 127 คน เท่านั้นที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไต 103 คน ตับ 18 คน หัวใจ 4 คน หัวใจ-ปอด 1 คน และไต-ตับอ่อน 1 คน ผู้รอรับอวัยวะส่วนหนึ่งต้องเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ในปี 2549 มีผู้ที่เสียชีวิตไประหว่างรอรับอวัยวะถึง 59 คน คิดเป็นร้อยละ 2.75 ของผู้รอรับอวัยวะทั้งหมด
ดังนั้นไม่ว่าวิทยาการทางการแพทย์จะก้าวหน้าเพียงใด แต่หากไม่มีอวัยวะบริจาค ผู้ป่วยก็ไม่มีโอกาสที่จะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้ดังเดิม ผู้ป่วยบางคนต้องตัดสินใจปลูกถ่ายอวัยวะด้วยการบริจาคจากญาติพี่น้อง ซึ่งการบริจาคอวัยวะขณะยังมีชีวิตอยู่ เป็นทางออกหนึ่งที่ผู้ป่วยต้องทำเพื่อความอยู่รอด โดยผู้บริจาคและผู้รับอวัยวะ ต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือเป็นคู่สมรสกันเท่านั้น
แต่บางครั้งเราจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายอวัยวะ โดยเฉพาะจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งนำอวัยวะมาจากผู้ด้อยโอกาสในประเทศที่ยากจน การซื้อขายอวัยวะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและยังผิดจริยธรรมเป็นอย่างมาก ในวงการแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะของโลกเองก็กำลังเร่งที่จะหาทางป้องกันปัญหาการซื้อขายอวัยวะไม่ให้ลุกลามมากยิ่งขึ้น
สภากาชาดไทย และสถาบันการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงปัญหาความขาดแคลนอวัยวะ จึงร่วมกันก่อตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาติไทยขึ้น ตั้งแต่ปี 2537 โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ.เภา สารสิน เป็นประธานกรรมการอำนวยการ เพื่อดำเนินงานเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคอวัยวะ โดยมีนโยบายหลัก คือ สนับสนุนส่งเสริมให้มีการบริจาคอวัยวะให้เพียงพอต่อการปลูกถ่ายอวัยวะภายในประเทศ จัดสรรอวัยวะอย่างเป็นธรรมเสมอภาค ถูกต้องตามหลักจริยธรรม โดยไม่มีการซื้อขายอวัยวะ และนำอวัยวะไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ตลอดระยะเวลา 13 ปีเศษที่ผ่านมา ศูนย์รับบริจาคอวัยวะยังได้รับบริจาคอวัยวะไม่เพียงพอกับจำนวนผู้รอรับอวัยวะที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปี 2549 และทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2550 นี้ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จึงจัดโครงการรณรงค์บริจาคอวัยวะ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โครงการ “บริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี” จะดำเนินการตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2549 ถึง 31 ธ.ค. 2550 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอรับอวัยวะให้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะมากขึ้น คาดว่าจะนำอวัยวะบริจาคไปปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยจำนวน 500 คน
และรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันบริจาคอวัยวะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงของเรา ขยายเครือข่ายความร่วมมือ ให้เข้าถึงประชาชนทุกภาคส่วนของประเทศ และปรับเปลี่ยนทัศนคติที่เป็นอุปสรรคต่อการบริจาคอวัยวะ เสริมสร้างพันธมิตรในการรับบริจาคอวัยวะที่เข้มแข็งและเพิ่มช่องทางการรับบริจาคอวัยวะให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คนไทยทุกคนจึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้โครงการเหล่านี้ประสบผลสำเร็จลงได้ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลคนไทยด้วยกันเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน วันหนึ่งคุณอาจจะเป็น “ผู้รับ” หรือ “ผู้ให้”
ต้องการบริจาคอวัยวะ ติดต่ออย่างไร
– โทร 1666
– download แบบฟอร์มจาก www.redcross.or.th
– ขอรับแบบฟอร์มที่ ศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย อาคารเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ชั้น 5 ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
Update:24-07-51