วอนกระทรวงแรงงาน ดันโรงงานสีขาวปลอดน้ำเมา

เครือข่ายโรงงานสีขาวและมูลนิธิเพื่อนหญิง วอนกระทรวงแรงงานปรับตัวชี้วัดโรงงานสีขาว จากเน้นเฉพาะยาเสพติด ให้ครอบคลุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เหตุสถิติการเสียชีวิต พิการ ในวัยแรงงานเพิ่มขึ้น 

นายเสริม พูนพนิช ตัวแทนผู้ประกอบการ เครือข่ายโรงงานสีขาว ลด ละ เลิกเหล้า กล่าวภายหลังร่วมกับสถานประกอบการกว่า 22 แห่ง และมูลนิธิเพื่อนหญิง เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานปรับตัวชี้วัดโรงงานสีขาวของกระทรวงแรงงาน ที่เน้นเฉพาะเรื่องยาเสพติดให้โทษตามกฎหมาย ให้ครอบคลุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน หลังพบสถิติการเสียชีวิต พิการ ในวัยแรงงานเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งเกิดจากสาเหตุการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“ทางบริษัททำงานเกี่ยวกับโรงพิมพ์ มีพนักงานประมาณ 270 คน ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นปัญหาที่แก้ยาก ถึงแม้คนงานจะไม่ดื่มเหล้าในเวลางาน แต่จะดื่มหนักหลังเลิกงานหรือวันหยุด และขาดงานในวันต่อมา อีกทั้งยังมีปัญหาเงินไม่พอใช้ ต้องเบิกเงินล่วงหน้า สิ้นเดือนต้องไปหยิบยืมเพื่อนบ้าน สร้างปัญหาหนี้สินตามมา เมื่อบริษัทได้เข้าร่วมโครงการโรงงานสีขาว ลด ละ เลิก เหล้า กับทางมูลนิธิเพื่อนหญิง จึงได้มีแนวคิดในการรณรงค์ชักชวนให้พนักงานเลิกดื่มเหล้า และส่งเสริมให้มีการเก็บออมมากขึ้น โดยทุกวันเสาร์ช่วงเช้าก่อนทำงานจะมีการสวดมนต์ร่วมกัน หรือบางครั้งก็จะนิมนต์พระมาพูดถึงข้อเสียของสารเสพติดและสิ่งมึนเมาต่างๆ ถึงแม้การรณรงค์จะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้น ทางบริษัทก็ไม่ท้อยังจะทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะปัญหานี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่และแก้ยากคงต้องใช้เวลา” นายเสริม กล่าว

ด้านนายวิชัย พูนเกิด ประธานสหภาพแรงงานน้ำใจสัมพันธ์ บริษัท ยางโอตานิ จำกัด กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลของมูลนิธิเพื่อนหญิงพบว่า คนงานที่ดื่มต้องสูญเสียรายได้ไปกับการดื่มเหล้ามากกว่า 1,000 บาท ต่อเดือน หรือ 22.4% ทำให้กระทบต่อค่าครองชีพของพนักงาน และเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงาน เร่งปรับตัวชี้วัดโรงงานสีขาวของกระทรวงแรงงานที่เน้นเฉพาะเรื่องสารเสพติดให้โทษตามกฎหมาย โดยให้มีตัวชี้วัดเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปอยู่ในตัวชี้วัดโรงงานสีขาวของกระทรวงแรงงานด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง