วธ.จ่อคิวจัดเรตติ้งเกมคอมพิวเตอร์
พร้อมมาตราการใหม่ เด็กต่ำกว่า12 เล่นได้ไม่เกิน3ชม.
นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการรับฟังสถานการณ์การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ของเด็กและเยาวชนไทยจากเด็กและเยาวชน ผู้ประกอบการร้านเกม นักวิชาการจากสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ในเวทีการประเมินสถานการณ์เกมคอมพิวเตอร์ในสังคมไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า เด็กและเยาวชนไทยยังนิยมเกมที่มีเนื้อหารุนแรง อาทิ การต่อสู้ เตะ ต่อย ฆ่าฟัน ข่มขืน และการทำลายล้างคู่ต่อสู้ เพราะสนุก เร้าใจ และต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้มากกว่าเล่นเกมประเภทที่มีเนื้อหาสร้างสรรค์ ฝึกฝนความรู้ และเกมคุณธรรม
นางฉวีรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมได้มีการเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกมคอมพิวเตอร์ที่รุนแรง และปัญหาเด็กติดเกม ว่า ควรมีการจัดเรตติ้งเกมคอมพิวเตอร์ และ ควรจัดระเบียบ จำกัดเวลาการเล่นเกมเหมือนกับประเทศเกาหลีที่ขณะนี้มีการจัดระเบียบการเล่นเกมออนไลน์แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาเด็กและเยาวชนของเกาหลีมีพฤติกรรมเสพติดเกมคอมพิวเตอร์มากเป็นอันดับต้น ๆ รองจากการเสพติดดนตรี และกีฬา โดยรัฐบาลเกาหลีจัดระเบียบด้วยการทำสมาร์ทการ์ด สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ต้องการเล่นเกม ซึ่งจะกำหนดให้เล่นได้ไม่เกินวันละ 3 ชั่วโมง หากเล่นเกินเวลาที่กำหนดการ์ดจะตัดวงจรการเล่นเกมทันทีไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็ตาม
“เวลานี้เด็กไทยส่วนใหญ่ติดเกม เล่นเกินเวลาที่กำหนด และมีจำนวนไม่น้อยที่หนีเรียนไปมั่วสุมอยู่ตามร้านเกม ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้น วธ.จะหารือร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหาแนวทางและวิธีการดูแลเด็กของเราอย่างเหมาะสม ตลอดจนส่งเสริมการผลิตเกมสร้างสรรค์ ทั้งนี้ผู้ประกอบการร้านเกมก็ต้องให้ความร่วมมือช่วยแนะนำเกมที่สร้างสรรค์ไม่นำเกมที่มีเนื้อหารุนแรงมาให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นด้วย” รองปลัด วธ. กล่าว
ด้าน นายดนุภณ ศรีเมฆ ตัวแทนเยาวชนนักแข่งขันเกมระดับโลก กล่าวว่า การที่ประเทศเกาหลีใช้ระบบไอดีการ์ดควบคุมการเล่นเกมของเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และมีการลงโทษที่รุนแรงได้ประสบความสำเร็จ เพราะรัฐบาลเกาหลีเอาจริงกับเรื่องนี้ สำหรับประเทศไทยหากจะแก้ปัญหาเด็กติดเกมภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และต้องมีการกำหนดโทษที่ชัดเจนสามารถบังคับใช้ได้จริง ขณะเดียวกันครอบครัวก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย.
ที่มา:เดลินิวส์
ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
update 19-03-51