“ลูกที่ดี-พ่อที่ดี” แต่ละปี..อย่ามีวันเดียว

อย่าให้ผ่านเลยไปเฉยๆ

 

 “ลูกที่ดี-พ่อที่ดี” แต่ละปี..อย่ามีวันเดียว

 

          มหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค. เป็นอีกโอกาสสำคัญที่พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมจิตร่วมใจกันทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพร แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแห่งองค์ “พ่อหลวงแห่งปวงไทย” ซึ่งบรรยากาศในวันอันเป็นมหามงคลนี้ เป็นบรรยากาศสมัครสมานสามัคคีที่นำความสุขสู่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าโดยแท้

 

          เป็น “ความสุขใต้พระบารมีแห่งองค์พ่อหลวง” ทั้งนี้ วันที่ 5 ธ.ค. นั้น ในอีกด้านยังถือเป็นวันพ่อแห่งชาติเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้เป็นลูกจะได้แสดงออกถึงความกตัญญูที่มีต่อพ่อและในขณะเดียวกัน ก็น่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้เป็นพ่อจะได้สำรวจตรวจสอบตนเอง ในการเป็น “พ่อที่ดีของลูก” ซึ่งก็จะเป็นแนวทางที่นำมาซึ่งความสุข ทั้งต่อลูก ผู้เป็นพ่อเอง และครอบครัว

 

          “ในยุคปัจจุบันนี้มีสิ่งกระตุ้นสิ่งเร้าเข้ามาในชีวิตมากมายพ่อที่จะทำหน้าที่ได้ดีจำเป็นต้องรู้เท่าทันกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้มากที่สุด เพราะเมื่อรู้เท่าทันก็จะสามารถนำสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการสอนลูกๆ ให้รู้จักแยกแยะระหว่างความถูกผิดได้”….ปราชญ์ชาวบ้านผู้นำชุมชนไม้เรียง เจ้าของรางวัลแมกไซไซประจำปี 2547 ประยงค์ รณรงค์ เคยสะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้

 

          ประเด็นนี้ ณ วันนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย และเป็นประเด็นหนึ่งที่ผู้ที่มีสถานะเป็นพ่อคนน่าจะได้พิจารณา รวมถึงอีกประเด็นที่ปราชญ์ชาวบ้านรายนี้เคยบอกไว้เกี่ยวกับ “พ่อในฝัน” ของลูก นั่นคือ…”ปกป้องสิ่งที่จะเข้ามาทำอันตรายกับชีวิตลูก เป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกได้นำไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต”

 

          และหากจะลองพิจารณากันในเชิงจิตวิทยานิดหน่อย กับการเป็นพ่อที่ดีของลูก ประเด็นที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน เคยสะท้อนไว้ก็น่าคิด กล่าวคือ…คนเป็นพ่อต้องเก่งทั้งนอกบ้าน – ในบ้าน ยุคนี้สังคมภายนอกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก การปรับตัวจึงสำคัญ หากเก่งหน้าที่การงานแต่ภารกิจในบ้านล้มเหลว…ก็คงไม่ดี

 

          “คนเป็นพ่อต้องเป็นได้ทั้งเพื่อน พี่ หรือแม้แต่แม่ สามารถทดแทนในบางสิ่งบางเรื่องที่ลูกอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งมีรายงานวิจัยชี้ว่าเด็กคนไหนได้รับการดูแลจากพ่อมากเป็นพิเศษ เพิ่มเติมจากที่แม่ได้ดูแลเอาใจใส่อยู่แล้ว นอกจากทำให้สุขภาพจิตดี ยังช่วยเสริมพัฒนาการทั้งอีคิวและไอคิวด้วย”

 

          และที่สำคัญคือ…ครอบครัวก็จะเข้มแข็งสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข…ทั้งนี้ นอกจากในเชิงชุมชน – สังคม – จิตวิทยาแล้ว ในทางพระพุทธศาสนาก็มีปราชญ์สงฆ์เคยระบุถึง “พ่อที่ดี” ไว้ อีกทั้งยังชี้ชัดๆ ถึงพ่อที่ดีในยุคที่สังคมไทยเรามีปัญหามากมาย ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ไม่ล้าสมัยเช่นกัน นั่นก็คือการชี้แนะของ พระมหาวุฒิชัยวชิรเมธี หรือท่านว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ในประเด็น “พ่อที่ดี…กับสถานการณ์เมืองไทยในยุคปัจจุบัน”

 

 “ลูกที่ดี-พ่อที่ดี” แต่ละปี..อย่ามีวันเดียว

 

          ตามที่ท่าน ว.วชิรเมธี ชี้แนะไว้ โดยสรุปคือ…”พ่อต้องสอนลูกให้รู้ดี – รู้ชั่ว ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี, สอนให้อย่าคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบหมายถึงความซื่อสัตย์ เพราะสังคมไทยล่มสลายเพราะคอร์รัปชั่นที่กลายเป็นวัฒนธรรม, สอนให้รักความยุติธรรมและทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ สอนให้มีหัวใจประชาธิปไตยเรียนรู้ที่จะอยู่กับความคิดเห็นที่แตกต่างและหลากหลาย, สอนให้เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น พอๆ กับของตนเอง, สอนให้ลูกเป็นผู้ให้, สอนให้ลูกมีมโนธรรมในการดำเนินชีวิตรู้ในสิ่งที่ดี แล้วทำ รู้ในสิ่งที่ชั่วแล้วเว้น, สอนให้ละอายใจต่อการทำชั่วเพราะทุกวันนี้เส้นแบ่งทางจริยธรรมในสังคมไทยขาดระเนระนาดไปหมด, สอนให้ลูกยึดมั่นในความจริง ไม่ปลิ้นปล้อนหน้าไหว้หลังหลอก และสุดท้ายที่สำคัญก็คือ พ่อต้องสอนให้ลูกรู้จักคบคนดีเป็นกัลยาณมิตร”

 

          นอกจากนี้ ท่าน ว.วชิรเมธี ยังชี้ว่า…ผู้เป็นพ่อต้องเป็นมัคคุเทศก์ทางจิตวิญญาณให้ลูก ต้องเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูก พ่อต้องเป็นเหมือนโทรทัศน์วงจรปิด ถ่ายทอดทุกอย่างที่คิด ทุกสิ่งที่ทำ ทุกคำที่พูด ให้ลูกได้ยิน ได้เห็น ดังนั้น พ่อจึงต้องแสดงออกด้วยความระมัดระวัง และมีความรับผิดชอบ พ่อต้องเป็นพระพรหมของลูก คือมีเมตตา เลี้ยงดูลูก มีกรุณา พร้อมช่วยเหลือลูก มีมุทิตา ส่งเสริมลูกในสิ่งที่ดีงาม และมีอุเบกขา เมื่อลูกทำผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรมพ่อต้องวางใจเป็นกลาง ให้ลูกยืนรับความผิดอย่างสง่าผ่าเผย พ่อที่ดีต้องประพฤติตนให้เป็นเสมือนพระอรหันต์ของลูก

 

          “ลูกจะเป็นคนดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพของพ่อเป็นสำคัญ” “พ่อต้องเป็นคนดี ที่ลูกภูมิใจ และเป็นเกียรติที่ได้เป็นลูกของพ่อ”…เป็นอีกประเด็นสำคัญของ “พ่อที่ดี” ที่ท่าน ว.วชิรเมธีระบุไว้ ถึงวันพ่อ-ผ่านวันพ่อ…อย่าให้ถึง – อย่าให้ผ่านเลยไปเฉยๆ ทั้งผู้เป็นลูก – ทั้งผู้เป็นพ่อ…ใช้โอกาสอันดีนี้สร้างสุขได้…เป็น “ลูกที่ดี – พ่อที่ดี” ก็จะดี…ทั้งต่อตนเองและสังคม!!

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update : 07-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code