ลั่น!เอาจริงถอนใบอนุญาตปั๊มแหก กม.ขายเหล้า

เผยคุมเข้มอุบัติเหตุปีใหม่

 ลั่น!เอาจริงถอนใบอนุญาตปั๊มแหก กม.ขายเหล้า

          โหมโรงลดอุบัติโหดปีเสือ สธ.ผนึก ก.พลังงาน คุมเข้มห้ามขายเหล้าในปั๊ม หลังพบบางสถานีน้ำมันลองดี  เอาจริงใช้อำนาจก.พลังงาน เพิกถอนใบอนุญาตปั๊มน้ำมันที่ทำผิดกฎหมายทันที  เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เผยปีใหม่นี้ทุกฝ่ายเข้ม

 

          ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรมรณรงค์ “เดินทางปลอดภัย ปั๊มทั่วไทยปลอดเหล้า 2552” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลจะสูงกว่าช่วงปกติ เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ทำให้ใช้รถใช้ถนนกันมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ 60% มาจากการที่ผู้ขับขี่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ เหล้า เบียร์ จึงต้องมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ โดย สธ. จะตรวจสอบปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมืองให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 27(6) ที่ห้ามสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

           ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 31(5) ที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการเชื้อเพลิง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,00 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยปีใหม่ 2553 นี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมีพันธมิตรใหม่คือ กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่จะช่วยสอดส่องไม่ให้มีการลักลอบการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีจ่ายเชื้อเพลิง ทั้งปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส เชื่อว่าจะส่งผลให้ปั๊มน้ำมันต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะกรมธุรกิจพลังงาน มีอำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาตปั๊มน้ำมันที่ทำผิดกฎหมายได้ทันทีนพ.ศิริวัฒน์ กล่าว

 

          นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรมธุรกิจพลังงานสนับสนุนเต็มที่ให้ปั๊มน้ำมันและปั๊มก๊าสทั้ง 18,000 แห่งทั่วประเทศ ปลอดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อเป็นกุศลให้ประชาชนเดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวันอันควร เบื้องต้นมั่นใจว่าปั๊มน้ำมันที่มีแบรนด์ อาทิ ปตท. เชลล์ เอสโซ่ จำนวน 4,000 แห่ง ไม่มีการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างแน่นอน จึงต้องการให้ปั๊มเหล่านี้ช่วยรณรงค์ให้ปั๊มน้ำมันรายย่อยอีก 14,000 แห่ง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะมีคนเสียชีวิต 1 รายทุก 14 นาที และในเทศกาลสงกรานต์จะมีคนเสียชีวิต 1 ราย ในทุก 21 นาที เฉลี่ยตลอดทั้งปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากถึง 13,000 คน

 

           นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กล่าวว่า ข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า สถิติการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปั๊มน้ำมันในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา จากการสำรวจปั๊มน้ำมัน 713 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2551 – 4 มกราคม 2552 พบว่า มีปั๊มน้ำมัน หรือร้านค้าในปั๊มน้ำมันลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 89 แห่ง คิดเป็น 13%  และจากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วงปี 2545-2551 ในเดือนธันวาคม-มกราคม มีคดีอุบัติเหตุจากการเมาสุรา มาถึง 752 คดี จากทั้งหมด 842 คดี และในเดือนเมษายนที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีคดีมาถึง 770 คดี

 

          นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยัง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศ เพื่อให้ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเคร่งครัด นอกจากห้ามจำหน่ายภายในร้านสะดวกซื้อแล้ว ยังจำเป็นต้องดูแลบริเวณโดยรอบสถานบริการ ทั้งในส่วนของร้านอาหาร ผู้เข้ามาใช้บริการ มิเช่นนั้นสถานบริการจะต้องมีความผิดร่วมด้วย ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกระทรวงพลังงานในการประสานความร่วมมือไปยังสถานีบริการเชิงเพลิงต่างๆทั่วประเทศ

 

           ช่วงเทศกาลโดยเฉพาะปีใหม่จะเป็นช่วงของการเฉลิมฉลอง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถิติของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ย้อนหลังไป 4-5 ปี จะเห็นได้ว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลง แต่ปีที่ผ่านมาสถิติเริ่มคงที่ ทำให้เห็นได้ว่าจำเป็นต้องมีมาตรการใหม่ๆ ทางกฎหมายบังคับใช้เพิ่มเติมเพื่อให้ลดอุบัติเหตุลง โดยกิจกรรมที่เครือข่ายฯ ให้ความสำคัญในช่วงเทศกาลที่จะถึงได้ประสานความร่วมมือกับหลายๆ หน่วยงาน อาทิ องค์กรปกครองส่วนอำเภอ ตำบล ต่างๆ ดูแลภายในชุมชนของตนเองเพื่อลดปริมาณอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นนายสงกรานต์ กล่าว

 

 

 

 

 

 

ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

 

 

update: 19-11-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ