ลดน้ำหนักช่วยลดอาการข้อเข่าเสื่อมได้
ที่มา: คม-ชัด-ลึก
แฟ้มภาพ
รพ.เลิดสิน ชี้โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคข้อเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุด พร้อมแนะวิธีการชะลอข้อเข่าเสื่อม ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรงพยาบาลเลิดสิน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ของโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคข้อเรื้อรังที่พบ บ่อยที่สุด พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นต้นเหตุอันดับ 4 ที่ทำให้เพศหญิงพิการ และเป็นอันดับ 8 ที่ทำให้เพศชายพิการ อาการของโรคมักเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป การรักษาอาจเริ่มจากการลดน้ำหนัก การไม่งอพับเข่ามาก การบริหารเข่าตามที่แพทย์แนะนำ และการใช้ยาแก้ปวดร่วมกับยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่ยาสเตียรอยด์ ถ้าการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องรักษาโดยวิธีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ได้ผลดี แต่ควรผ่าตัดเพื่อแก้ไขเฉพาะเมื่อข้อต่อเสียหายอย่างรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธีอื่นๆแล้วเท่านั้น
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะทำในผู้ป่วยอายุ 60-80 ปี การพิจารณาผ่าตัดจะพิจารณาเป็นรายๆไป ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ จะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น สำหรับในรายที่ยังมีอาการ ไม่มาก สามารถรักษาได้โดยการไม่ใช้ยา โดยควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงการงอเข่ามากเกินไป หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันได หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งในท่าเดียวนานๆ บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ซึ่งจะช่วยลดอาการปวด ทำให้ข้อเคลื่อนไหวและกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าแข็งแรงขึ้น
"หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ควรเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดดังนี้ ผู้ป่วยควรตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูความพร้อมก่อนการผ่าตัด บริหารกล้ามเนื้อและข้อให้แข็งแรง เพื่อช่วยให้ผลของการผ่าตัดดี และสามารถเดินได้เป็นปกติโดยเร็ว ผู้ป่วยที่รับประทานยาประจำตัว ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะยาบางชนิดต้องหยุดรับประทานอย่างน้อย 7-10 วันก่อนการผ่าตัด และควรจัดสถานที่พักฟื้นในระยะแรกหลังการผ่าตัดให้อยู่ในที่ที่สะดวกมากที่สุด"นพ.สมพงษ์กล่าว