ลดถุงใส่ยากลับบ้าน 1 ปี ลดขยะ
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
กรมอนามัย ห่วง คนไทยทิ้งขยะเกลื่อน ชี้ ต้นกำเนิดสัตว์ก่อโรคเพียบ แถมทำลายธรรมชาติ แนะ คัดแยกขยะ – ทิ้งถูกที่ และลดการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดปัญหาได้ เผย มาตรการลดถุงใส่ยากลับบ้าน 1 ปี ช่วยลดขยะได้ 3.4 แสน กก. เซฟงบ 24 ล้านบาท
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข มีความห่วงใยปัญหาขยะล้นเมืองก่อให้เกิดวิกฤตสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางทะเล โดยในปี 2561 มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 27.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณร้อยละ 1.64 ซึ่งถูกคัดแยกและนำกลับไปใช้ประโยชน์ ร้อยละ 34 กำจัดอย่างถูกต้อง ร้อยละ 39 และกำจัดไม่ถูกต้อง ร้อยละ 27 รวมถึงปัญหาขยะล้นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์นำโรค จำพวกหนู แมลงสาบ แมลงวัน ทำให้เกิดโรคติดต่อในคน เช่น โรคบิด ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค เมื่อขยะเหล่านี้ตกค้างสะสมเป็นเวลานาน มลพิษจะกระจายไปในดิน น้ำ และอากาศ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้เสื่อมโทรมลงได้ หรือ การกองทิ้งหรือลักลอบทิ้งในพื้นที่รกร้างหรือลักลอบทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ รวมถึงการทิ้งขยะลงทะเลโดยตรง จึงส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลอีกด้วย
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า ขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ในอุทยาน ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติกเชือก ฝา และ จุกขวด กระดาษ ใบปลิว ขวดแก้ว หลอดดูดน้ำ ถ้วย จาน ก้นกรองบุหรี่ เป็นต้น ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อแหล่งท่องเที่ยว เช่น หาดทราย แนวปะการัง ซึ่งขยะบางประเภทหากถูกทิ้งในป่าหรือทิ้งลงในทะเล สามารถสะสมความเป็นพิษในสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร เช่น โฟมบรรจุอาหาร เชือก แห อวน เมื่อสัตว์กินเข้าไปทำให้สัตว์ตาย หรือเคลื่อนไหวไม่ได้และตายในที่สุดทั้งนี้ พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายด้วยตัวเองเป็นสารสังเคราะห์ โดยเฉพาะถุงพลาสติกเป็นขยะที่พบจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมพบว่าขยะพลาสติก ร้อยละ 50 ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี และต้องใช้พื้นที่ฝังกลบ สูงถึง 3 เท่า หากนำไปเผาจะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม สารก่อมะเร็ง รวมทั้งก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือหน่วยงานระดับท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 หมวด 3 การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ตามมาตรา 20 เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสะอาดและจัดระเบียบการเก็บขน และกำจัด สิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย และกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2560 ในข้อ 3 ห้ามผู้ใดถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นในที่หรือทางสาธารณะซึ่งมูลฝอยทั่วไป นอกจากถ่ายเท ทิ้ง หรือกำจัด ณ สถานที่ หรือตามวิธีที่ราชการส่วนท้องถิ่นกำหนดหรือจัดให้ และต้องมีการคัดแยกมูลฝอยอย่างน้อย 3 ประเภท คือ มูลฝอยรีไซเคิล มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน และมูลฝอยทั่วไปหรือมูลฝอยที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นนำไปจัดการต่อไป โดยให้ราชการส่วนท้องถิ่นออกข้อกำหนดท้องถิ่น หรือกำหนดอื่นใดที่จำเป็นเพื่อให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะซึ่งจะช่วยลดปัญหาขยะได้อีกทางหนึ่งด้วย
"เรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมและรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันลดปริมาณขยะ โดยคัดแยกขยะก่อนทิ้งและทิ้งขยะลงในถังหรือภาชนะที่จัดไว้ เลือกใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติแทนกล่องโฟมและถุงพลาสติก และเมื่อนำสิ่งที่จะก่อให้เกิดขยะเข้าในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม ขวด กระป๋อง ควรเก็บคืนออกมาให้มากที่สุด" พญ.พรรณพิมล กล่าว และว่า ขณะนี้ นโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่ลดการใช้ถุงหิ้วพลาสติกใส่ยา จากการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ต.ค. 2561-31 มี.ค. 2562 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561 สามารถลดปริมาณการสั่งซื้อถุงหิ้วพลาสติกได้ถึงร้อยละ 87 หรือประมาณ 344,043 กิโลกรัม ช่วยประหยัดงบในการซื้อถุงหิ้วพลาสติก ได้กว่า 24 ล้านบาท ซึ่งผู้รับบริการพึงพอใจ ร่วมลดขยะพลาสติกและไม่คิดว่าเป็นการเพิ่มภาระ