รู้จักยาต้านไข้หวัดใหญ่ 2009
ขณะนี้ทั้งโลกกำลังเข้าสู่การระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 สถานการณ์หนักบ้างเบาบ้าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละประเทศ ส่วนแนวทางรักษาตัวให้รอดจากโรคที่กระทรวงสาธารณสุขของไทย เน้นย้ำในช่วงนี้มี 2 เรื่องสำคัญ คือ
1. หากมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะ โรคปอด หอบหืด เบาหวาน ภูมิต้านทานต่ำ หญิงมีครรภ์ โรคอ้วน ธาลัสซีเมีย ผู้สูงอายุเกิน 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งผู้ป่วยที่ต้องกินยาแอสไพรินมาเป็นเวลานาน เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจเพื่อป้องกันเลือดแข็งตัว หากป่วยมีไข้ให้พบแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสทันที
2. หากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เมื่อมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ โดยห้ามรับประทานแอสไพรินแล้วสังเกตอาการ ถ้าภายใน 48 ชั่วโมงไข้ไม่ลด ให้ไปพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์อาการ รับยาต้านไวรัส เนื่องจากคนไข้กว่า 90% อาการไข้จะหายเองภายใน 48 ชั่วโมง โดย 10% ที่เหลือหากได้รับยาต้านไวรัสเร็วก็มีโอกาสจะลดการเสียชีวิตได้สูง
ยาต้านไวรัสที่ใช้ในขณะนี้ คือ โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือมีชื่อทางการค้าว่า ทามิฟลู หากเป็นยาที่องค์การเภสัชกรรมผลิตเองจะเรียกว่า จีพีโอ เอ ฟลู นอกจากนี้ ยังมียาชนิดพ่น คือ ซานามิเวียร์ ซึ่งเป็นยาสูตร 2 ใช้เมื่อเกิดการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์
โอเซลทามิเวียร์เป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ด ซึ่งจะใช้ในผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดนก กินวันละ 2 เม็ดติดต่อกัน 5 วัน ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโต ทำให้เชื้อไวรัสไม่สามารถแบ่งตัวได้ ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะเข้าไปทำลายเชื้อที่เหลืออยู่
สารตั้งต้นของยาโอเซลทามิเวียร์สกัดมาจาก “โป๊ยกั้ก” ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีมากในประเทศจีน ส่วนสำคัญที่อยู่ในโป๊ยกั๊ก คือกรดชิคิมิก (shikimic acid) ซึ่งอยู่ในน้ำมัน แล้วผ่านกระบวนการหมัก สกัดให้บริสุทธิ์ แล้วเข้ากระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี 12 ขั้นตอน ใช้เวลานานถึง 12 เดือน
องค์การเภสัชกรรมเร่งวิจัยเพื่อให้สามารถผลิตสารสังเคราะห์ตั้งต้นได้เอง โดยสามารถทำได้แล้วในระดับห้องทดลอง จึงเดินหน้าเพื่อผลิตในระดับอุตสาหกรรมต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เพราะวัตถุดิบจากต่างประเทศ ขณะนี้ราคาขยับขึ้นไปกิโลกรัมละหลายแสนบาท โดยองค์การเภสัชกรรมลดราคายาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ จากเม็ดละ 70 บาทเหลือเม็ดละ 25 บาทในปัจจุบัน และหากไทยสามารถสกัดสารตั้งต้นเองได้ก็อาจจะมีราคาถูกลงอีก
กระทรวงสาธารณสุขแจกยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ทั้งสิ้น 14 ล้านเม็ด และองค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาอีก 10 ล้านเม็ด รวมแล้วจะมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด
อย่างไรก็ดี การใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะมีอาการข้างเคียง และอาจจะเกิดการดื้อยาได้
ยังมีสมุนไพรไทย อย่าง “ฟ้าทลายโจร” ที่สามารถนำมาใช้ได้ และพบว่าเมื่อป่วยการดื่มน้ำมากจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ แต่ดีที่สุดถ้ารักษาสุขภาพให้ไม่ป่วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Update 22-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก