รับมือความเครียด เมื่อใกล้เปิดเทอม

ที่มา : http://talkaboutsex.thaihealth.or.th


รับมือความเครียด เมื่อใกล้เปิดเทอม thaihealth


เริ่มต้นย่างก้าวเข้าสู่ช่วงเปิดเทอมใหม่กันแล้วทั้งเด็กๆ และพ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง หลังการปิดเทอมใหญ่ที่ได้หยุดยาวติดต่อกันมาหลายเดือน


ปัญหาสำคัญที่พบว่ามักมากับช่วงเปิดภาคเทอมใหม่อยู่เสมอ ก็คือความเครียดของผู้เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองจากภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ หลายท่านถึงกลับหัวหมุนเพราะอาจชักหน้าไม่ถึงหลัง จนส่งผลให้ครอบครัวเครียดถึงขั้น กินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่นี้อาจมีหลายครอบครัวที่ประสบกับความเครียด เนื่องจากมีปัญหาด้านการเงินเพราะมีอันต้องใช้จ่ายไปกับค่าเสื้อผ้า ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียนใหม่ของลูกๆ ยิ่งถ้าบุตรหลานต้องเปลี่ยนระดับชั้นเช่น ม.3เข้า ม.4หรือ ม.6เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายจะยิ่งสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว เมื่อจำนวนเงินที่จ่ายไม่สมดุลกับรายรับความเครียดทั้งหมดจึงตกอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่


ดังนั้นอยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเตรียมรับมือกับสถานการณ์ หากมีความตึงเครียดต้องรู้จักจัดการกับความเครียดด้วยตนเองซึ่งมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น ฝึกการหายใจการหายใจเข้าลึกๆ เป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ง่ายดาย และมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย รวมถึงเป็นการเติมออกซิเจนในเลือดที่ช่วยปลุกสมองให้ตื่นตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และทำให้จิตใจความคิดสงบ การฝึกหายสามารถทำได้ทุกหนทุกแห่ง และได้ผลอย่างรวดเร็วและสามารถคลายเครียดได้ในพริบตา


การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เริ่มด้วยการเกร็งกล้ามเนื้อทั้งหมดบนใบหน้า แยกเขี้ยวและยิ้มค้างไว้ 10วินาทีแล้วผ่อนคลาย 10วินาที ทำซ้ำกับกล้ามเนื้อคอ ตามด้วยไหล่ และกล้ามเนื้ออื่นๆ ซึ่งสามารถทำแบบนี้ได้ทุกที่ จะสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดได้ง่ายกว่า เร็วกว่าในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่ต้องมีการฝึกฝนหรือใช้เครื่องมือพิเศษใดๆ การออกกำลังกายจะช่วยหันเหความสนใจไปจากสถานการณ์อันตึงเครียดและทำให้ชื่นบานด้วยการหลั่งของเอ็นโดรฟิน


การสร้างอารมณ์ขันให้กับตัวเองด้วยการหัวเราะโดยเฉพาะเมื่อเวลาเกิดความเครียด เพราะการหัวเราะจะช่วยลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี หรือจัดเวลาสำหรับงานบันเทิงคุยเรื่องตลกหรือดูตลกร่วมกับคนในครอบครัว การนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียงวันละ 7-8ชั่วโมงจะทำให้ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ การฝึกทำสมาธิจะสามารถช่วยลดความเครียดได้อย่างมหาศาลและต่อสู้กับปฏิกิริยาในแง่ลบจากความเครียดและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเกิดปัญหาจะช่วยให้ควบคุมอารมณ์ได้ดี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิธีการจัดการกับความเครียดที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง


ที่สำคัญอย่าปล่อยให้ครอบครัวต้องจมอยู่กับความเครียด ควรจะรู้จักที่จะจัดการความเครียดให้เพิ่มขึ้น สมาชิกในครอบครัวควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ทานข้าวร่วมกัน หันหน้าปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา เล่าสารทุกข์สุกดิบให้กันฟัง ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องลูกจะได้เข้าใจสถานะทางการเงินของครอบครัว ในเมื่อต่างฝ่ายต่างพูดภาษาเดียวกันย่อมหาหนทางออกได้ไม่ยาก ถ้าบ้านไหนที่เงินฝืดเคืองหมุนไม่ทัน ลูกก็ต้องช่วยกันเป็นธุระเดินเรื่องให้พ่อแม่ เช่น ติดต่อครูที่ปรึกษาเพื่อแจ้งปัญหาทางการเงินของที่บ้าน ให้ครูช่วยหาหนทางที่เหมาะสมเช่นกู้ยืมเรียนของโรงเรียน ขอทุนการศึกษาอย่ามัวน้อยอกน้อยใจหรืออับอายใครเขาเพราะพวกเขาช่วยแก้ปัญหาของเราไม่ได้


รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะนำเพิ่มเติมว่า การฝึกทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความตึงเครียดด้านภาระค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวได้ ดังนั้นแต่ละครอบครัวควรฝึกทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เป็นนิสัย จะได้มีการวางแผนการใช้เงินว่าจะต้องจ่ายในสิ่งใดเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้ตัดทอนสิ่งที่ไม่ จำเป็นออกไป เป็นการฝึกนิสัยให้รู้จักมัธยัสไม่หรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินกำลังเงิน


"นอกจากนี้ในส่วนของเด็กๆ พอถึงเวลาเปิดเทอมทีก็จะต้องมีการปรับตัว เด็กที่ปรับตัวไม่ได้จะมีความเครียด เนื่องจากเกิดความกังวลในหลายๆ เรื่อง เช่น เด็กเล็ก จะกังวลเรื่องการปรับตัวห่างพ่อแม่ กล้วการเข้าห้องน้ำเอง กลัวกินอาหารใหม่ๆ กลัวเพื่อนแปลกหน้า หรือกลัวถูกครูดุ สำหรับวัยรุ่น ก็มักจะมีปัญหากังวลเรื่องการปรับตัวกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหม่ ถูกเพื่อนปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งวัยอุดมศึกษาก็เครียดและกังวลเรื่องการปรับตัวในการเปลี่ยนสถานที่เช่นเดียวกัน


หลังจากปิดเทอมไปนานอาจยังคุ้นกับการอยู่บ้าน อยู่กับพ่อแม่ และยังไม่อยากไปโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยคุณพ่อคุณแม่คงต้องให้เวลาเด็กๆ ได้ปรับตัวหน่อย แรกๆ เปิดเทอมก็อาจไปส่ง หรือใส่ใจเขามากขึ้น มีการพูดคุยกับลูกให้บ่อย เพื่อให้เขาได้กลับไปร่าเริงกับเพื่อนๆ และการเรียนให้ได้เหมือนเดิม" รองอธิบดีกรมสุขภาพดี กล่าวทิ้งท้าย


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code