รักไม่พร้อม : จุดเริ่มต้นความพิการแต่กำเนิด

          ไทยแชมป์แม่วัยรุ่นของเอเชีย เตือนคลอดอายุน้อยเสี่ยงพิการตั้งแต่แรกเกิด เร่งลงทะเบียนความพิการ “8 สถาบันการแพทย์” จับมือลงชุมชนนำร่อง 22 จังหวัด หาทางป้องกันเน้น 5 โรคเสี่ยง ครอบครัวตัวอย่างร่วมแลกเปลี่ยน ลูกพิการดูแลสร้างพัฒนาการได้ด้วยรัก

/data/content/19615/cms/bcfgorvyz257.jpg

          เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2557 ที่ รร.เดอะสุโกศล ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) แถลงข่าวเรื่อง “รักไม่พร้อม: จุดเริ่มต้นความพิการแต่กำเนิด” ว่า ปัจจุบันสถานการณ์แม่วัยรุ่น หรือ แม่คลอดอายุน้อยของไทย สูงเป็นลำดับหนึ่งของเอเซีย ถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขอย่างหนึ่ง เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด ความไม่สมบูรณ์ของทารก ทารกน้ำหนักตัวน้อย เสี่ยงเสียชีวิตทั้งแม่และลูก นอกจากนี้ แม่อายุน้อยยังมีวุฒิภาวะในการเลี้ยงดูบุตรต่ำ ทำให้พบปัญหาทั้งการทำร้ายเด็ก ทำร้ายตัวเอง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทารกทั้งระยะสั้น ระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาความพิการตั้งแต่กำเนิดนั้นมีโอกาสเกิดกับแม่ได้ทุกอายุ

          “ความพิการตั้งแต่กำเนิด เกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งพันธุกรรม การได้ยาระหว่างตั้งครรภ์ โภชนาการไม่เหมาะสม ฯลฯ ปัจจุบันความพิการสามารถเกิดขึ้นได้กว่า 7,000 ชนิด แต่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนแพทย์ 8 แห่ง และเครือข่ายต่างๆ ได้จัดทำคู่มือเผยแพร่ความรู้ให้บุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล และประชาชน 5 กลุ่มโรคที่พบบ่อย คือ 1.อาการดาวน์ 2.หลอดประสาทไม่ปิด 3.โรคปากแหว่งเพดานโหว่ 4.แขนขาพิการแต่กำเนิด และ 5.กล้ามเนื้อเสื่อมพันธุกรรมดูเชนน์ นำร่องใน 22 จังหวัด เข้าสู่การสร้าง “อำเภอต้นแบบ” รวม 12 อำเภอ ให้ความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดร่วมกับท้องถิ่น โรงเรียน เพื่อนำไปสู่การจดทะเบียนความพิการตั้งแต่แรกเกิด และป้องกันความพิการตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เช่น การให้โฟเลตแก่เด็กหญิงวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่ในโรงเรียนมัธยม หรือตรวจคัดกรองในคู่สามีภรรยา เป็นต้น 

/data/content/19615/cms/bfhiklopru37.jpg

โดยเชื่อมโยงระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงศึกษาธิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย  ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  และสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด(ประเทศไทย) โดยทำงานใน 3 ระดับ ตั้งแต่ ระดับนโยบาย  ระดับจังหวัด  และระดับชุมชน  เพื่อให้เกิดการวางแผนเชิงนโยบายในระดับมหภาค ใน 3 ปีแรก (2554 – 2557)ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส.”  ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ กล่าว

          นางนิตยา อมรเนรมิตกิจ ผู้ปกครองบุตรกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม อายุ 19 ปี กล่าวว่า ปัญหาของการดูแลบุตรที่มีอาการดาวน์ซินโดรม มีข้อเดียวคือ จิตใจ ซึ่งต้องยอมรับความจริงและปรับตัวเพื่อดูแลเด็กให้สามารถช่วยเหลือตัวเองและอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ซึ่งการดูแลเด็กแต่ละช่วงวัยคล้ายกับเด็กปกติ แต่ช่วง 1-3 ปีอาจต้องเน้นในเรื่องสุขภาพมากเป็นพิเศษ เพราะมีโรคแทรกซ้อนด้วย จากนั้นช่วงเข้าวัยเรียน ไปจนถึงวัยรุ่นจะต้องดูแลเรื่องการกระตุ้นพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม โดยเฉพาะการจัดการอารมณ์ ครอบครัวถือว่ามีส่วนสำคัญมากที่จะช่วยดูแล ต้องอาศัยความเข้าใจ เปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุยและไม่ปิดกั้นจากสังคม จะช่วยให้เกิดพัฒนาการและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

/data/content/19615/cms/eiklquvz3458.jpg          นายอนันต์ โสภิณ ผู้ปกครองบุตรกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลลูกที่มีอาการดาวน์ซินโดรม คือ การทำใจและยอมรับ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าการรักษาอาการดาวน์ฯ ในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยัน แต่กระตุ้นพัฒนาการให้เด็กสามารถเติบโต และช่วยเหลือตัวเองได้

          “การยอมรับได้เร็ว จะสร้างโอกาสให้เกิดการกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ  โดยจำเป็นต้องวางแผนในการดูแลทั้งสุขภาพกายและพัฒนาการ เพราะเด็กที่มีอาการดาวน์ฯ อาจจะมีความผิดปกติทางร่างกายหลายอย่างเช่น หัวใจ ตา หู ที่ต้องดูแลร่วมกัน อย่างไรก็ตาม หลายครอบครัวที่ยอมรับไม่ได้อาจเกิดจากความไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าหากได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างถูกต้องเด็กจะสามารถอยู่ในสังคมได้ ดังนั้น จึงต้องไม่ปิดกั้นเด็ก โดยการเก็บตัวให้อยู่แต่ในบ้าน แต่ต้องพาออกไปสังคมเพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการอีกทางด้วย”

 

 

          ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

 

Shares:
QR Code :
QR Code