ระวัง! โรคฉี่หนูระบาดฤดูฝน

           ในฤดูฝนโรคที่มีแนวโน้มพบมากขึ้น คือ โรคเลปโตสไปโรสิส (Leptospirosis) หรือโรคฉี่หนู ซึ่งจากรายงานข้อมูลการเฝ้าระวังโรคฉี่หนู ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 กรกฎาคม 2557 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 861 ราย ใน 61 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 7 ราย พบได้ทั้งผู้ที่อยู่ในชนบทและอยู่ในเมือง

/data/content/25090/cms/e_djmruvy13489.jpg

           นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยด้วยว่า สำหรับกลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ วัยแรงงงาน อายุระหว่าง 25-54 ปี ผู้ป่วยเป็นชายมากกว่าหญิง ถึง 5 เท่าตัว กว่าครึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมา คือ รับจ้างทั่วไป เมื่อแยกเป็นรายภาค พบว่า 3 ใน 5 จังหวัด ที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากร มากที่สุดอยู่ในภาคใต้ ได้แก่ จ.สตูล จ.ระนอง และ จ.ยะลา ส่วนอีก 2 จังหวัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกแห่ง เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ แต่อาจติดเชื้อและป่วยซ้ำได้อีก

          ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน นอกจากหนูที่เป็นพาหะ หรือตัวการหลักในการแพร่เชื้อแล้ว ยังพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ แมว แพะ แกะ ก็แพร่เชื้อได้เช่นกัน เชื้อโรคนี้จะออกมาพร้อมกับฉี่ของสัตว์ดังกล่าว แต่พบได้น้อยกว่าหนู โดยเชื้อโรคฉี่หนู สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล รอยถลอก รอยขีดข่วน เยื่อบุของตา จมูก ปาก หรือผิวหนังปกติที่แช่น้ำเป็นเวลานานจนอ่อนนุ่ม และติดจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปก็ได้ ผู้ที่ได้รับเชื้ออาจมีหรือไม่มีอาการก็ได้ ในผู้ที่มีอาการมักแสดงหลังจากได้รับเชื้อ 2-3 วัน จนถึง 2-3 สัปดาห์

          นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ส่วนอาการที่สำคัญ คือ มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่น่องและโคนขาอย่างมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร เป็นต้น ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง ไตวาย หรืออาการทางสมองและระบบประสาท อาจถึงตายได้

          ทั้งนี้ อัตราการตายอาจสูงถึงร้อยละ 10-40 หากมีอาการดังที่กล่าวมาขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคฉี่หนู และให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดได้ อย่าซื้อยารับประทานเอง จากการติดตามประวัติในกลุ่มที่เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มักจะซื้อยากินเอง โดยเฉพาะยาที่มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้ เพราะเข้าใจว่าเป็นไข้ทั่วไปที่เกิดมาจากการทำงานหนัก จึงทำให้อาการรุนแรงขึ้น เชื้อโรคเข้าไปทำลายอวัยวะอื่น เช่น ไต ทำให้ไตวาย และเสียชีวิตได้

          นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการป้องกันโรคไข้ฉี่หนูในช่วงหน้าฝน ซึ่งบางพื้นที่อาจมีน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม มีคำแนะนำ ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ที่มีปัญหามึนชาที่เท้า ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจมีแผลที่เท้าและไม่รู้สึกเจ็บ มีโอกาสเสี่ยงติดโรคสูง

2. ผู้ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อโรค เช่น ชาวสวน ชาวนา คนงานขุดลอกท่อระบายน้ำ ขอให้สวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบู๊ท เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 3.หมั่นล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำชำระร่างกายหลังจากเสร็จภารกิจทำงาน 4. กำจัดขยะในบ้านเรือน สถานที่ทำงานให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู และ 5. ดื่มน้ำต้มสุกและรับประทานอาหารที่ปรุงสุก

 

 

          ที่มา: เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แนวหน้า

           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code