ระวังไข้กาฬหลังแอ่น
ที่มา: มติชน
แฟ้มภาพ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตือนประชาชนพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะภาคใต้และภาคเหนือให้ดูแลสุขภาพตนเอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดนานๆ
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัยอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้กาฬหลังแอ่นในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 มีรายงานผู้ป่วย 24 ราย เสียชีวิต 8 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ ยะลา แม่ฮ่องสอน สตูล ปัตตานี และบึงกาฬ ตามลำดับ โดยปีนี้พบว่าจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2559 ป่วย 17 ราย เสียชีวิต 2 ราย) โดยเฉพาะจังหวัดในภาคใต้และภาคเหนือตามแนวชายแดนติดกับประเทศพม่า ซึ่งโรคนี้พบได้ตลอดทั้งปีเฉลี่ยเดือนละ 2-4 ราย และมีรายงานผู้ป่วยล่าสุดในเดือนตุลาคม 2 ราย ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ปัตตานี คาดว่า มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดในภาคใต้และภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่ตามแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
ไข้กาฬหลังแอ่นติดต่อโดยเชื้อโรคกระจายจากช่องปาก ช่องจมูก จากคนหนึ่งสู่อีกคนโดยตรง ผ่านระบบทางเดินหายใจ สามารถเกิดได้ทุกวัย แต่มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ อาการคือ มีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง อาจมีผื่นแดง จ้ำเลือดขึ้นตามผิวหนังร่วมด้วย และอาจเกิดภาวะช็อกอย่างรวดเร็ว ในผู้ที่มีโรคประจำตัวและภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น โรคตับไต โรคหัวใจ โรคเลือด ดื่มสุราเป็นประจำ ฯลฯ อาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ จึงแนะนำวิธีป้องกัน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดเป็นเวลานาน เช่น สถานบันเทิง ตลาดที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เป็นต้น ระวังการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลายของผู้อื่น และล้างมือบ่อยๆ
ส่วนผู้ที่เดินทางไปทวีปแอฟริกาหรือประเทศในตะวันออกกลาง ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน หากมีอาการป่วยสงสัยว่าเป็นโรคนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที