รวมพลคนอาชีวะ บูรณะพระปรางค์วัดพิชยญาติฯ

ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

รวมพลคนอาชีวะ  บูรณะพระปรางค์วัดพิชยญาติฯ            “…พระพุทธศาสนาบริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระและเป็นประโยชน์ในทุกระดับ  แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้  เข้าใจและปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบันด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง  จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้…”

 

            พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พระราชทานในการเปิดประชุมใหญ่ครั้งที่17  ของสมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ณ ศาลาการเปรียญบนภูสิงห์  อำเภอสหัสขันธ์  จังหวัดกาฬสินธุ์  วันที่  17  ธันวาคม  2512

 

            “วัด” กับคนไทยใกล้ชิดผูกพันกันมาช้านาน  จนบางครั้งกลายเป็นความเคยชิน  ผู้ใหญ่วัยทำงานหลาย ๆ คน  เมื่อผ่านวัดก็บอกกับตัวเองว่า “ไว้ว่าง ๆ จะเข้าไปทำบุญไหว้พระเสียที” หรือ “ไว้ว่าง ๆ จะแวะเข้าไปชื่นชมซึมซับกับศิลปวัฒนธรรมอันงดงามในวัด”  แล้วก็ลืมจนแล้วจนรอดยังไปไม่ถึงวัดเสียที

 

            เมื่อผู้ใหญ่ยังไปไม่ถึงวัดแล้วเด็ก ๆ ที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าจะได้สัมผัสกับวัดได้อย่างไร

 

            วันนี้  สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องสนับสนุนให้เยาวชนอาชีวะได้เข้าวัดเพื่อที่ว่าจะได้ซึมซับรับการหล่อหลอมจิตใจให้เข้าถึงธรรมมะอย่างใกล้ชิดได้บ้าง  เพราะในความเป็นจริงแล้วด้วยความลึกซึ้งละเอียดอ่อนของพระธรรม จะให้สอน ให้บอกในห้องเรียนและประเมินผลโดยการสอบนั้น  คงไม่เกิดผล

 

            จำต้องให้เกิดการเห็นต้นแบบของการประกอบคุณงามความดี  ลงมือปฏิบัติความดีด้วยตัวเองควบคู่กันไปด้วย

 

            จึงได้จัดให้มีโครงการต้นแบบวัดและวิทยาลัยใกล้ชิดกันขึ้น

 

            หัวใจสำคัญก็คือเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ที่ทรงทุ่มเทพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในการดำรงพระองค์ตามหลักธรรมแห่งศาสนา  เฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนา  เมื่อทรงรับการขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ  โดยทรงตั้งพระราชปณิธานในอันที่จะทรงปัดเป่าทุกข์เดือดร้อนของพสกนิกรอันเกิดจากความยากจนให้หมดสิ้นไป  ให้คนไทยทั้งประเทศดำรงวิถีชีวิตอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืนบนความพออยู่พอกินด้วยการยึดมั่นในหลักแห่งคุณธรรมความดีมีเมตตากรุณา  มีความอดทน  ขยันหมั่นเพียร  มีความกตัญญูกตเวที  มีความรักความสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลกันและกัน  ไม่ตั้งอยู่ในความโลภ

 

            โดยได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”  แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงครองแผ่นดินครองพสกนิกรไพร่ฟ้าด้วยทศพิธราชธรรมอย่างมั่นคง

 

            ทั้งการปฏิบัติพระองค์ต่อพสกนิกร  ทั้งการพระราชทานพระราชดำรัส  พระบรมราโชวาท  ล้วนแต่ทรงนำหลักคุณธรรมความดีของศาสนามาพระราชทานให้ประชาชนนำไปเป็นหลักในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างตระหนักถึงคุณค่า

 

            นับได้ว่าทรงนำประชาชนคนไทยร่วมซึมซับสืบสานพระศาสนาเพื่อดำรงรักษาและสืบทอดความดีงามต่ออนุชนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

 

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำนุบำรุงศาสนวัตถุ  โบราณวัตถุ  ศิลปวัฒนธรรมเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าพระราชจริยวัตรดังกล่าวปรากฏแก่สายตาคนไทยอย่างเคยชินมิได้ขาดหายไปจากความรู้สึกนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและนับเป็นโชคดีของคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐที่สุด

 

            ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้  สำนักงานสอศ.โดยเลขาธิการนายวีระศักดิ์  วงษ์สมบัติจึงได้จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล  เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณถวายการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที  สืบสานพระราชปณิธานในการดำรงรักษาฟื้นฟูหลักธรรมและพระพุทธศาสนาให้เจริญถาวรในจิตใจและสำนึกของคนไทย 

           

            โดยการหล่อหลอมปลูกฝังตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน  นักเรียนนักศึกษาโดยนำนักศึกษาอาชีวะกว่าร้อยชีวิตจากสถานศึกษา จำนวน  7  แห่ง  ได้แก่  วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม  วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง  วิทยาลัยเทคนิคดุสิต  วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี  วิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง  วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี  หมุนเวียนสลับเข้าไปพำนักอยู่ในวัดเพื่อบูรณะ ซ่อมแซมพระปรางค์  โบสถ์ วิหาร โบราณสถาน อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะของประชาชน    วัดพิชยญาติการาม  ประดิษฐานอยู่ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นพระอารามหลวงเก่าแก่ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น

 

            ประกอบกับพระพรหมโมลี  เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามและคณะกรรมการวัดได้มีมติที่จะทำโครงการอนุรักษ์และพัฒนาวัด โดยเฉพาะองค์พระปรางค์ ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  จึงได้ร่วมมือกับ สอศ. เปิดโอกาสให้เยาวชนอาชีวะ ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ศึกษามาในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรม  ศิลปกรรม  ก่อสร้าง  ไฟฟ้า  อิเล็กทรอนิกส์ คหกรรมศาสตร์ และบริหารธุรกิจ  เข้าไปบำเพ็ญประโยชน์ ในการซ่อมแซมเสนาสนะ  สร้างศาลาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการบูรณะพระปรางค์อันเป็นโบราณสถานสำคัญยิ่งที่ตั้งอยู่ในวัด ซึ่งจะบูรณะให้มีความมั่นคง สวยงาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธที่เข้ามาทำบุญในวัด เพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80  พรรษา

 

            นายวีระศักดิ์  วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้กล่าวถึงโครงการนี้ว่า “เยาวชนอาชีวะที่เข้าไปบำเพ็ญประโยชน์ในวัด ถือเป็นโอกาสดี เป็นมงคลกับชีวิต ที่ได้ปฏิบัติงานใกล้ชิดพระสงฆ์ ซึ่งจะได้ซึมซับกับหลักธรรมคำสั่งสอน  ตลอดจนวิถีปฏิบัติของชาวพุทธ คุณธรรมที่เกิดขึ้นในจิตใจ เมื่อหลอมรวมกับความรู้ที่เล่าเรียนมาก็จะทำให้เยาวชนเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีเป้าหมาย รู้ว่าทำอะไร  เพื่อใคร  เกิดเป็นสำนึก เป็นมโนธรรม เป็นเสมือนประทีปที่นำทางการศึกษาด้านวิชาชีพ เมื่อออกไปประกอบอาชีพก็จะมีคุณธรรมนำวิชาชีพติดตัวไปตลอด    และประโยชน์ที่ส่วนรวมจะได้รับ คือ ได้วิศวกรสังคมตามสาขาอาชีพที่ได้ศึกษามา    เกิดความสมดุลระหว่างความเป็นช่างมืออาชีพกับการมีคุณธรรมประจำใจ  อันเป็นการดำเนินรอยตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และยิ่งนักศึกษาอาชีวะได้รับรู้ว่าเป็นโอกาสในการมีส่วนร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลด้วยก็ยิ่งเป็นสิริมงคลและเป็นความภาคภูมิใจ  มีความสุขใจอย่างที่สุดแน่นอน”

 

            ในพิธีเปิดโครงการวัดและวิทยาลัยใกล้ชิดกัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลอันเป็นมงคลยิ่งของชาวอาชีวศึกษา  ประธานในพิธี คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว  อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร  ได้กล่าวสัมโมทนียกถาถึงโครงการนี้ว่า  “ความร่วมมือระหว่างวัดและวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ปรากฎให้เห็นในวันนี้เป็นเรื่องที่ดีงามเชื่อมโยงวัตถุกับจิตใจเข้าด้วยกัน  และจะบรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา คือ ต้องการให้นักศึกษาได้รับประโยชน์ในทางจิตใจ  ให้วัดได้รับประโยชน์ในการอนุรักษ์และพัฒนาวัด  ซึ่งเป็นการร่วมกันให้สมส่วนทั้ง 2 ฝ่าย  ทั้งในทางรูปธรรม และนามธรรม หรือทั้งในทางวัตถุและจิตใจ  เมื่อเกิดผลดีแก่ทุกฝ่ายความดีงามที่ยิ่งใหญ่นั้นก็จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา  เป็นเรื่องที่ต้องนำเสนอมหาเถรสมาคม เพื่อให้ได้รับทราบว่ามีโครงการใหม่ที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรงเกิดขึ้น”

 

            สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาสังคมในวันนี้  คือภาพที่เยาวชนไทยได้เข้าร่วมโครงการปลูกจิตสำนึก เพื่อให้มีเข็มทิศชีวิตที่มั่นคง มีวัคซีนคุณธรรมหล่อหลอมความเป็นคนดีมีเมตตากรุณา  มีความกตัญญู  มีความสามัคคี  ไม่โลภโมโทสันที่เพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตใจ พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์ด้วยความเป็นดีมีคุณธรรมพร้อมมูลในวันข้างหน้า

 

            เป็นคนดีอนาคตของชาติ  และเป็นคนดีสมดั่งพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

update 13-05-51

Shares:
QR Code :
QR Code