รถตู้พร้อม! ร่วมใจ รวมพลังสู้หวัด 09
ปลุกกระแสตื่นตัวเรื่องการป้องกัน
ปัจจุบันกระแสตื่นตัวเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในส่วนของประชาชนจะค่อยๆ ลดลงไป เพราะคนส่วนใหญ่ต่างหันกลับไปให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องปากท้องมาเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องโรคภัยไข้เจ็บนั้นถ้าตัวเองยังแข็งแรงอยู่ก็ยังคงคิดว่า “เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ยังเป็นเรื่องไกลตัวอยู่ เรียกได้ว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” ก็ว่าได้…
แต่ในทางกลับกันการรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 ในส่วนของภาครัฐบาลยังไม่ได้จางหายตามกระแส!! อย่างเมื่อเร็วๆ นี้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) คณะทำงานยังคงฟิตปั๋งเร่งรณรงค์ป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กันอยู่อย่างต่อเนื่อง โครงการ “รถตู้ร่วมใจ รวมพลังสู้หวัด 2009” ก็เช่นกันที่เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ไม่อาจมองผ่านได้
รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ในเดือน พ.ค. – ส.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 2,185 คน ขณะที่สถานการณ์ในไทยมีผู้ติดเชื้อ 5.7 ล้านคน ในจำนวนนี้มีอาการป่วย 4 ล้านคน เสียชีวิต 141 ราย คิดเป็นอัตราการป่วยตาย 3.5 รายต่อแสนคน
ดังนั้น นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข จึงต้องออกมาย้ำถึงสถานการณ์ว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ยังไม่สิ้นสุด ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย การรณรงค์ป้องกันยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง ประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะทุกสถานที่ๆ มีประชาชนร่วมกันอยู่จำนวนมาก รวมถึงระบบขนส่งมวลชน สสส. ได้จับมือกับพี่น้องผู้ให้บริการรถตู้ จัดโครงการ “รถตู้ร่วมใจ รวมพลังสู้หวัด 2009” เพื่อให้ผู้บริการรถตู้ เป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญ ในการรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009”
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการฯ เล่าถึงการดำเนินงานของ โครงการ “รถตู้ร่วมใจ ร่วมพลังสู้หวัด 2009” ว่าจะเริ่มนำร่องกับสมาคมธุรกิจรถตู้กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด จำนวน 3,779 คัน จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมรถตู้ทั้ง 30,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ 6,700 คัน วิ่งในเส้นทางกรุงเทพฯ อีก 23,000 คัน วิ่งในเส้นทางกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด จำนวน 139 เส้นทาง ครอบคลุม 32 จังหวัด อาทิ สิงห์บุรี ลพบุรี ระยอง เพชรบูรณ์ พิจิตร รถตู้จึงถือเป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่มีความสำคัญ มีประชาชนใช้บริการทุกเพศ ทุกวัย บางเส้นทางต้องใช้เวลาเดินทางร่วมกันนานกว่า 1-2 ชม. โดยไม่มีการถ่ายเทระบายอากาศภายในรถ จึงต้องดูแลสุขภาพของผู้ขับขี่และรถตู้ให้ถูกสุขลักษณะ
ซึ่งมาตรการสำคัญผู้ให้บริการรถตู้จะร่วมใจกันสู้หวัด 2009 คือ 1.คนขับปลอดภัย หากผู้ขับรถตู้มีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาฯ จะหยุดปฏิบัติงานทันที 2.รถปลอดภัย เช็ดทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน 3.ผู้โดยสารปลอดภัย เพราะคนขับสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือบ่อยๆ อย่างถูกวิธี 4.จุดเสี่ยงปลอดภัย หมั่นทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม เช่น ที่เปิดประตู พวงมาลัย เบาะ 5.อากาศปลอดภัย หลังส่งผู้โดยสารจะเปิดกระจกรถ ให้อากาศถ่ายเทและแสงเข้า เพื่อฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้คณะอนุกรรมการฯ จะสนับสนุนสื่อสื่อรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 ด้วย เพื่อติดตั้งทั้งในรถตู้และนอกรถตู้ด้วย
ในด้านของเครื่องมือป้องหวัด 2009 บนตู้นั้น นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า อภ. จะมอบเจลล้างมือขนาดใหญ่ 1 ขวด ให้กับรถตู้ที่เข้าร่วมโครงการ และจะสนับสนุนให้จำหน่ายเจลล้างมือ หน้ากากอนามัย บนรถตู้เพื่อความสะดวกและให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด โดยจะจำหน่ายเจลล้างมือหลอดใหญ่ขนาด 50 กรัม ในราคา 25 บาท หน้ากากอนามัยชนิดกระดาษ 4 ชิ้น 10 บาท และหน้ากากอนามัยชนิดผ้าชิ้นละ 10 บาท พร้อมทั้งจัดทำป้ายแขวนเพื่อให้ความรู้เรื่องหวัด 2009 ติดตั้งในรถตู้ ซึ่งรถตู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ อภ.
เมื่อทราบข้อมูลและมาตรการในการดำเนิน โครงการรถตู้ร่วมใจ รวมพลังสู้หวัด 2009 ของฝั่ง หน่วยงานราชการ ไปจนเกือบจะอุ่นใจเต็มร้อยแล้ว เรามาลองฟัง ผู้ให้บริการรถตู้โดยสารกล่าวถึงความร่วมมือของสมาคมรถตู้ เพื่อป้องกันไข้หวัด 2009 กันค่ะ ความอุ่นใจจะได้เต็มร้อย
นายรังสรรค์ สายสุด นายกสมาคมธุรกิจรถตู้กรุงเทพฯ – ต่างจังหวัด กล่าวถึงความร่วมมือของสมาคมรถตู้ เพื่อป้องกันไข้หวัด 2009 ว่า ทางสมาคมธุรกิจรถตู้กรุงเทพฯ – ต่างจังหวัดรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ส่วนราชการให้ความสำคัญกับการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะเท่าที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการรถตู้ที่ในความดูแลของสมาคมมากกว่าแสนคนต่อปี เมื่อมีการรณรงค์ให้คนที่ใช้บริการรถตู้ปลอดภัยจากไข้หวัด 2009 ทางสมาคมฯ ก็ยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“จากการเข้าใจเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แบบผิดๆ ที่ว่า ผู้โดยสารที่สวมหน้ากากอนามัยคือคนที่ “เป็นหวัด” และจะ “เป็นคนแพร่เชื้อ” ให้กับผู้โดยสารและคนขับรถ ทำให้โดนปฎิเสธไม่ให้ร่วมเดินทางไปด้วยนั้นได้หมดไปแล้ว ทั้งนี้ต้องยกความดีให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่การรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังนั่นเอง” นายรังสรรค์ กล่าว
มาวันนี้ทั้งหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ร่วมมือกัน เพื่อปกป้องประชาชนจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถึงขนาดนี้แล้ว ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ เองก็อย่านิ่งนอนใจต้องร่วมมือด้วยการป้องกันตัวเองด้วย เพราะถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วใครจะรักเรา จริงไหมคะ
เรื่องโดย: อัญณิกา กฤษสมัย Team content www.thaihealth.or.th
Update: 25-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย