ม.พายัพหนุนกระทงปลอดเหล้า นำ นศ. สืบสานประเพณี

เปิดพื้นที่ทำกิจกรรม หวังดึงเยาวชนออกจากสิ่งมอมเมา

 

ม.พายัพหนุนกระทงปลอดเหล้า นำ นศ. สืบสานประเพณี

          การเปลี่ยนผ่านของวัฒนธรรมไทยกับการรับวัฒนธรรมต่างชาติ ได้รุกคืบเข้าสู่วิถีชีวิตของคนไทยอย่างรวดเร็ว ทำให้คนในสังคมล้วนปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะเห็นได้จาก ประเพณีลอยกระทงของทุกๆ ปี จากเดิมเป็นประเพณีงานบุญก็เปลี่ยนแปลงไปมีค่านิยมเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต่างจากเทศกาลวันวาเลนไทน์

 

          สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักวิจัยเอแบคโพลสำรวจความคิดเห็นต่อเทศกาลวันลอยกระทงปี 2551 จากประชาชน อายุ 15-45 ปี ใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,411 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-31 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 50.1 ตั้งใจร่วมงานลอยกระทง และกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 44.1 ตั้งใจจะมีกิจกรรมต่อหลังจากลอยกระทงเสร็จ โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 59 ตั้งใจจะนั่งรถเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 28 ร้องคาราโอเกะ ฟังเพลง ร้อยละ 14.1 อยู่กับคนรักสองต่อสอง ร้อยละ 11.5 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 5.4 มีเพศสัมพันธ์ และร้อยละ 3 ไปแข่งรถกับเพื่อน

 

          ที่สำคัญ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 44.3 เชื่อว่าวันลอยกระทงเป็นวันที่วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์กัน และร้อยละ 42.4 ยังไม่แน่ใจ เช่นเดียวกับเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.1 เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ

 

          ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เครือข่ายต้านโรคร้อน สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 จ.เชียงใหม่ องค์การโปรเจคโฮฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่างๆ จัดโครงการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการนำไปประยุกต์ใช้และการจัดกิจกรรมของนิสิตนักศึกษาวันลอยกระทง เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วันสร้างสามัคคี โดยมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับภารกิจการเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม

 

          ดังนั้น เทศกาลลอยกระทงเป็นประเพณีดีงามของล้านนา ที่ ม.พายัพ จัดกิจกรรมส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการทำโคมลอย การทำกระทงโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ กิจกรรมดังกล่าว มุ่งเน้นการให้ความรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการนำมาประยุกต์ใช้ กิจกรรมขบวนคาราวานจักรยาน ลดภาวะโลกร้อนด้วยเศรษฐกิจพอเพียง การเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาและกลุ่มวัยรุ่นได้แสดงการเล่นกีฬาจักรยานเอ็กซ์ตรีม เป็นต้น

 

          จากนั้นในช่วงพลบค่ำก่อนที่หนุ่มสาวชาว ม.พายัพ จะจับคู่กันไปลอยกระทงริมแม่น้ำนั้น ม.พายัพ ได้เชิญ น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเสวนาให้ความรู้ ปลูกจิตสำนึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมอันดีงามของเทศกาลลอยกระทง โดยเป็นการฉายหนังสั้นเกี่ยวกับความล้มเหลวของครอบครัว และตั้งวงเสวนาเรื่อง จิตสาธารณะและวัฒนธรรมในการรับผิดชอบสังคม

 

          น.ส.ลัดดา กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมของสังคมไทย โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทง คิดว่าทุกฝ่ายต้องปลูกฝังด้านความดีงามระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมข้ามชาติ เพราะลอยกระทงเป็นประเพณีที่คนไทยทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสนุกสนาน รื่นเริง และมีพื้นที่เสี่ยงมากขึ้นในการที่วัยรุ่นไปเที่ยวงานลอยกระทงและดื่มเหล้าเมาขาดสติ จนเกิดพฤติกรรมกระทงหลงคลอง วัยรุ่นชาย-หญิงจบด้วยการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจและเกิดเป็นปัญหาสังคมตามมา

 

          ซึ่งผลโพลที่ออกมาเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใหญ่ตระหนักและสอนให้ผู้ชายปฏิบัติตนด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ดื่มสุราเมาจนขาดสติแล้วไปละเมิดหรือล่วงเกินผู้หญิง ส่วนผู้หญิงก็ต้องระมัดระวังตัว รักนวลสงวนตัว ไม่เที่ยวเตร่ดื่มเหล้าจนเกินพอดี ทั้งหมดนี้พ่อแม่มีหน้าที่ตักเตือนลูกของตนเอง มิฉะนั้น สังคมไทยก็จะเกิดครอบครัวแบบแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกโดยไม่ตั้งใจและก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา

 

          ด้านน้องบอย หรือ นายฉัตรชัย ชัยธัน นักศึกษาคณะบริหารสาขาการจัดการ ม.พายัพ เห็นว่า การมีเพศสัมพันธ์ในวันลอยกระทงไม่เหมาะสม เพราะประเพณีลอยกระทงแบบดั้งเดิมดีอยู่แล้ว แต่วัยรุ่นต่างก็ดื่มเหล้ามีเทศกาลก็ไปดื่มเหล้า ผมคิดว่าควรรักษาประเพณีไว้ดีกว่าวัยรุ่นไทย ในปัจจุบันมีความคิดที่เปลี่ยนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อไปลอยกระทง ปล่อยโคม จากนั้นอาจจะมีเดินเดินเที่ยวงานแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ในปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะเกิดความเสียหายมากกว่าผู้ชาย

 

          น.ส.พิชยาพร ศรีไหม หรือ น้องโบว์ สาวน้อยนักกิจกรรมจากคณะนิเทศศาสตร์ ม.พายัพ บอกว่า คิดว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนักศึกษาสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ถ้ายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงแล้วชีวิตก็จะดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเงินหรือการใช้ชีวิตแบบไม่ฟุ่มเฟือยหรือมีค่านิยมฟุ้งเฟ้อตามเพื่อนก็จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น การหาเงินในทางที่ผิดเพื่อเอามาใช้จ่ายเกินตัว ทั้งการเล่นการพนัน หรือแม้กระทั่งการขายบริการทางเพศ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลลอยกระทงนั้น ตนเห็นว่า วัฒนธรรมของเราดีอยู่แล้วเราควรที่จะอนุรักษ์เอาไว้เช่นกัน แต่ในเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป น่าจะมีการปลูกฝังให้ประชาชนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมที่จะได้รู้ได้เห็นว่าวัฒนธรรมแบบเก่าดีอย่างไร และอยากให้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

 

          วัยรุ่นอาจจะมีความคิดที่กว้างขึ้นในเรื่องทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็ควรจะมีขอบเขต มีการป้องกันหรือให้ความรู้ที่ดีถ้าไปถึงจุดนั้นจริงๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากกว่า เรายังเป็นเยาวชนที่มีอนาคตอีกไกล ยังเจอผู้คนอีกจำนวนมากน้องโบว์ กล่าว

 

          หากการจะขีดเส้นตีกรอบให้เด็กวัยรุ่นอยู่ในขอบเขตของผู้ใหญ่นั้น อาจทำให้การเรียนรู้หาจุดร่วมระหว่างวัฒนธรรมใหม่ กับการอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งอาจเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ผู้ใหญ่จะต้องเป็นผู้นำในการเปิดพื้นที่เสริมให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรม ดึงเด็กออกมาจากความหลงมัวเมาในพื้นที่เสี่ยงที่ไม่ดี

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์

 

 

update 26-11-51

Shares:
QR Code :
QR Code