“มาร์ค” เล็งขึ้นภาษีเหล้าหวังลดอุบัติเหตุ
นายกฯ ปล่อยคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุ “ปีใหม่ ไปให้ถึง arrive alive” เผยรัฐเตรียมขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่อีก
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุ “ปีใหม่ ไปให้ถึง arrive alive” ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 200 หน่วยงาน ทั้งนี้ ภายในงานมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ นายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้ง ผู้บังคับการตำรวจจราจร ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รวมถึงเหยื่อเมาแล้วขับ กลุ่มอาสาสมัครขับขี่ปลอดภัยเปิดไฟใส่หมวก และศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อุบัติเหตุจากการจราจร ยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการประมาณการณ์กันว่าอาจมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละกว่า 2 แสนล้านบาทในแต่ละปี ซึ่งการเสียชีวิตจากการจราจรยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ โดยในแต่ละปีจะมีการรณรงค์ และนำตัวเลขของปัญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้นในปีก่อนๆ มาแสดง และพยายามลดตัวเลขลงให้ได้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัสรับสั่งถึงเรื่องของการใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท ซึ่งถ้าไม่นับเรื่องของอุบัติเหตุจราจรแล้ว ต้องยอมรับว่าในสังคมไทยยังมีปัญหาเรื่องความประมาทอยู่มาก เพราะฉะนั้นเราควรน้อมนำกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ แล้วนำไปปฏิบัติ น่าจะลดความสูญเสียลงได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ใน 10 ปีข้างหน้าเป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน และรณรงค์ให้มีการลดจำนวนหรืออัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าเราสามารถทำได้จะเป็นการลดความสูญเสียครั้งใหญ่ รวมถึงเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ในเรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
สำหรับที่มีการระบุถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น รัฐบาลยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนและรัฐบาลชุดนี้กำลังดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นภาษีเหล้าและบุหรี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรณีของคนขับรถสาธารณะไม่ควรจะมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเลย ส่วนตัวได้ย้ำกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่ากฎระเบียบคือคือการสร้างค่าทัศนคติค่านิยมที่ดี เพราะถ้าเรายังสร้างไม่ได้กฎระเบียบก็เท่ากับเป็นการเพิ่มงานให้กับเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น เพราะไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง จึงขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง
“ปัญหาใหญ่ที่สุดในขณะนี้เป็นเรื่องของสินค้าที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันเทคนิคทางการตลาดพัฒนาอยู่ตลอดเวลา กฎระเบียบต่างๆ ที่ออกมามักมีช่องว่าง ทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อะไรที่ทำได้รัฐบาลก็จะรีบดำเนินการทันที” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ร่วมกันปล่อยขบวนคาราวานรณรงค์โครงการดังกล่าว เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาะสมุย บริเวณถนนด้านหน้าตึกสันติไมตรีหลังนอก โดยขบวนคาราวาน ประกอบด้วย เหยื่อน้ำเมาแล้วขับ จำนวน 9 ราย อาสาปั่นวีลแชร์เพื่อเชิญชวนคนไทยร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมด้วยจักรยานบิ๊กไบค์เตือนภัยจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ตำรวจอาสาจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว รถจักรยานยนต์จากโครงการขับขี่ปลอดภัยเปิดไปใส่หมวก ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า รถจักรยานยนต์จากสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ซึ่งจะร่วมกันรณรงค์เป็นเวลา 7 วัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update : 23-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน