มหกรรมปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ 5 กิจกรรมนำร่อง

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


มหกรรมปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ 5 กิจกรรมนำร่อง thaihealth


เพราะ"ทุน"ของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดคือ"การศึกษา" ที่จะทำให้มนุษย์ได้รับการพัฒนาศักยภาพไปสู่การเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ ดังนั้นการส่งเสริมและออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายให้สอดคล้องกับบริบทและศักยภาพของพื้นที่ นอกจากจะเป็นการพัฒนาคนบนฐานของทุนและทรัพยากรท้องถิ่นที่ดีที่สุดแล้ว ยังจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนขึ้นในทุกมิติ


ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ จึงร่วมกับ สภาการศึกษาจังหวัดอำนาจเจริญ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.) จัด"มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ" โชว์นวัตกรรมและผลลัพธ์ความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้"โครงการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้หรือการจัดการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน" (Area-Based Education) พร้อมเปิดเวทีเสวนา "ชาวอำนาจเจริญร่วมแรงร่วมใจ พัฒนาการศึกษาให้ก้าวไกลสู่สากลิเพื่อระดมมหกรรมปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ 5 กิจกรรมนำร่อง thaihealthพลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในจังหวัด ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดการศึกษาให้ตอบโจทย์การพัฒนาเชิงพื้นที่ที่มีเป้าหมายในการก้าวไปสู่การเป็น"เมืองธรรมเกษตร"


นายยิ่งยศ ธนะจันทร์ ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ กล่าวในเวทีเสวนาว่าการพัฒนาคนเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกๆ เรื่อง แต่ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ ทำให้ไม่สามารถสร้างคนรองรับการพัฒนาต่างๆ ได้โดยเฉพาะการพัฒนาในพื้นที่ แต่ในวันนี้มีสภาการศึกษาฯและมีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด หลายองค์กรภาคีเครือข่ายได้เชื่อมโยงกันทำงานแล้ว จึงเป็นการแสดงพลังว่าชาวอำนาจฯ จะร่วมกันขับเคลื่อนทิศทางการพัฒนาจังหวัดและการศึกษาไปสู่เป้าหมายคือการเป็นเมืองธรรมเกษตร เพื่อให้คนอำนาจเจริญมีคุณภาพชีวิตทีดีและมีความสุขที่ยั่งยืน


พร้อมระบุว่าขับเคลื่อนการเรียนรู้หรือปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ในขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีมาก เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างขององค์กรที่ดูแลด้านการศึกษาที่ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นกศจ. เอื้ออำนวยต่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่จะเข้าเสริมแรงพัฒนาการศึกษา ยังสามารถนำพลังต่างๆ จากองค์กรอื่น เข้ามาเสริมการทำงานได้ในหลายมิติ


นายนรงฤทธิ์ จันทรเนตร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนในเรื่องของการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่มาตั้งแต่ปี 58  จากการแสวงหาแนวทางการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ ก่อเกิดผลงานเชิงประจักษ์ 4 ด้านขึ้นคือ 1) เกิดกลไกเครือข่ายความร่วมมือปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด จนพัฒนาเป็นสภาการศึกษาจังหวัด 2)เกิดคณะกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา 3) เกิดร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของจังหวัด และ 4) เกิดนวัตกรรมและแหล่งเรียนรู้ในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ในตำบลนำร่องต่างๆ


อย่างไรก็ตามแม้โครงการปฏิรูปการเรียนรู้เชิงพื้นที่จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่การขับเคลื่อนงานยังคงเดินหน้าต่อไปโดยสภาการศึกษาจังหวัดฯ กับความร่วมมือและสนับสนุนจากองค์กรและหน่วยงานต่างๆ และพลังของภาคประชาชนที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ๆ จะมาร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ของคนอำนาจเจริญ ด้วยความภาคภูมิใจของชาวอำนาจเจริญทุกคนต่อไป ภายในงานมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรม และความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย 1.พ่อแม่ครูปฐมวัยร่วมใจพัฒนา2.ผู้นำก้าวหน้าพัฒนาท้องถิ่น 3.สัมมาชีพสร้างคนสร้างงาน 4.การสื่อสารสู่สากล และ5.ยุวชนวิจัยใส่ใจท้องถิ่น ใน 5 พื้นที่นำร่อง มานำเสนอเพื่อให้มหกรรมปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ 5 กิจกรรมนำร่อง thaihealthเกิดการบูรณาองค์ความรู้ในการทำงาน และร่วมกันต่อยอดขยายผลความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆ ออกไปทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด


กิจกรรม"พ่อแม่ครูปฐมวัยร่วมใจสร้างเด็กปฐมวัยให้เป็นอัจฉริยะ เป็นหนึ่งในหลายกิจกรรมที่มีเครือข่ายด้านสาธารณสุขอย่าง โรงพยาบาลพนา เข้ามาร่วมกันทำงานจนเกิดเป็นนวัตกรรม ชื่อว่า แม่ฮักิ ฮักแพงเบิ่งแยกนำกัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กได้รับการพัฒนาและเติบโตขึ้นเต็มศักยภาพ ด้วยการการดูแลเด็กตั้งแต่ในครรภ์และติดตามสนับสนุนจนกระทั่งส่งต่อเข้าศูนย์เด็กเล็ก


นพ.ปฐมพงศ์ ปรุโปร่ง ผอ.โรงพยาบาลพนา กล่าวว่าเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง5 ปีนั้นเป็นช่วงอายุที่มีการพัฒนาสูง ถ้าเด็กได้รับการเลี้ยงลูกที่ดีและถูกต้องจะทำให้เด็กเติบโตและพัฒนาได้เต็มศักยภาพ กิจกรรมนี้สร้างให้คนในชุมชนรู้สึกว่าเด็กทุกคนเป็นของชุมชนที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล มีจิตอาสาที่เข้ามาช่วยดูแลเด็กปฐมวัยที่เรียกว่าแม่ฮักคอยช่วยดูแล ข้อมูลและสถิติในการทำงานพบว่าเด็กในตำบลพนาที่เข้าโครงการมีพัฒนาการที่สูงขึ้นเกินกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาตรฐานในทุกๆ ด้านถึงร้อยละ 59.85  ซึ่งเป็นโมเดลในการพัฒนาเด็กที่เราจะขยายผลออกไปในทุกพื้นที่ของจังหวัดต่อไป


ทั้งนี้การจัดการศึกษาเชิงพื้นที่นั้นเป็นการทำงานที่เชื่อมโยงจาก สสค. ลงมายังพื้น มาสู่กระบวนการส่งต่อให้ กศจ.  ประสานกับสภาการศึกษาจังหวัดฯ เพื่อกำหนดทิศทางและแผนการทำงานเพื่อพัฒนาการศึกษาของจังหวัดที่มีความชัดเจนและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น

Shares:
QR Code :
QR Code