มท.1 ร้องผู้ว่าทั่วประเทศเข้มจัดลอยกระทงต้องอยู่ในกรอบของพ.ร.บ.คุมเหล้า

 

มท.1เอาจริง!!! สั่งผู้ว่าทั่วประเทศเข้มจัดลอยกระทงต้องอยู่ในกรอบของพ.ร.บ.คุมเหล้า ด้านสคล.หวั่นเจ้าภาพไม่สนปล่อยขาย-ดื่มท้าทายกฎหมายเกลื่อน ขณะที่เครือข่ายเยาวชนฯ ชี้ ชุมชนรอบพื้นที่จัดงานลอยกระทง กว่า84% อยากเห็นงานปลอดเหล้า เชื่อไร้ทะเลาะวิวาท-ลวนลาม

วันที่ 14 พ.ย.55 ที่กระทรวงมหาดไทย เวลา 10.30 น. ภก.สงกรานต์  ภาคโชคดี  ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) พร้อมด้วย นักศึกษาจากเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กว่า 30 คน เข้าพบ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย  เพื่อแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งใหม่ และมีข้อเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ 1. กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ  ในฐานะ ประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด  เร่งรัดบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยเฉพาะห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงพื้นที่ห้ามขายห้ามดื่ม อาทิ สถานที่ราชการ  สถานศึกษา  สวนสาธารณะ  วัด  ซึ่งมักจะมีการจัดงานกาชาด  ลอยกระทง สงกรานต์หรือปีใหม่  และควรนำเรื่องประสิทธิภาพในการควบคุมและลดปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวประเมินผลงานของจังหวัดด้วย

2. ขอให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดดำเนินการให้งานบุญประเพณีอาทิ งานศพ  งานบวช  งานบุญอื่นๆ เป็นงานปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ตามที่มีบางจังหวัดทำสำเร็จมาแล้ว เช่น ศรีสะเกษ  มหาสารคาม และน่าน เป็นต้น  เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้เกือบครึ่ง  และถ้ารวบรวมตัวเลขที่ประหยัดได้ทุกจังหวัดก็จะเป็นผลงานของมหาดไทย  ในการลดรายจ่ายให้ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล 3. มอบหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานในสังกัด เร่งประชาสัมพันธ์และรณรงค์กฎหมายใหม่ 3 ฉบับ ได้แก่ ห้ามดื่มสุราบนรถ ห้ามขายห้ามดื่มในพื้นที่ประกอบกิจการโรงงาน และห้ามขายห้ามดื่มในรัฐวิสาหกิจ และ4. เข้มงวดสถานบริการ โดยเฉพาะร้านเหล้า ผับ บาร์ที่ตั้งอยู่รอบสถานศึกษาไม่ให้มีการทำผิดกฎหมาย  ห้ามเด็กเข้าใช้บริการ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนและลดพื้นที่เสี่ยง

ภก.สงกรานต์  กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หลายพื้นที่เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทง ซึ่งตรงกับวันที่ 28 พ.ย.ส่วนใหญ่สถานที่ที่ใช้จัดงานมักจะเป็นวัด สวนสาธารณะของทางราชการ สถานศึกษา ซึ่งบางพื้นที่อาจไม่มีการเข้มงวดหรือมีนโยบายควบคุมการห้ามขายห้ามดื่มสุรา ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือว่าผิด มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงอยากวิงวอนให้ผู้มาร่วมงาน เจ้าภาพ และเจ้าหน้าที่เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายด้วย เพื่อทำให้งานลอยกระทงเป็นประเพณีที่ดีงาน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหา อาชญากรรม การลวนลาม ล่วงละเมิดทางเพศ ทะเลาะวิวาท

ด้านนายธีรภัทร  คหะวงศ์  ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20–30 ต.ค.ที่ผ่านมาเครือข่ายฯได้ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง“ประเพณีลอยกระทงกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”  จำนวน 1,893 ราย อายุ 15 ปีขึ้นไปในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด  ซึ่งเป็นพื้นที่เคยจัดงานลอยกระทง อาทิสวนสันติ ไชยปราการ  สะพานพระราม 8 เป็นต้น  โดยพบว่า เทศกาลลอยกระทงเป็นวันที่คนนิยมดื่มสุรา รองจากเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ นอกจากนี้เกือบทั้งหมดหรือ 92% รับรู้รับทราบถึงกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มสุราในสถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด หรือสวนสาธารณะ แต่ที่น่าเป็นห่วงเพราะปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างกว่า 80%ยังพบเห็นการขายการดื่ม ในประเพณีลอยกระทงปีที่ผ่านมา นั่นแสดงว่ารู้กฎหมายแต่ยังฝ่าฝืน

 “สำหรับสิ่งที่ประชาชนไม่อยากให้เกิดขึ้นในวันลอยกระทง คือ 29 %การจุดประทัด พลุไฟ  26 % การทะเลาะวิวาท 23 % การดื่มแอลกอฮอล์ และ19 % การล่วงละเมิดทางเพศ  อย่างไรก็ตามสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดปัจจัยเหล่านี้มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น  เนื่องจาก 84 %เชื่อว่าการจัดงานลอยกระทงที่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงาน จะช่วยลดปัญหาต่างๆได้และทำให้มีคนมาเที่ยวงานนั้นมากขึ้น จึงอยากให้พ่อค้าแม่ค้า เคารพกฎหมาย และเจ้าหน้าที่เข้มงวดไม่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ในวันงานเครือข่ายเยาวชนฯจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ หากพบเห็นการทำผิดจะแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที” นายธีรภัทร  กล่าว

จากนั้น นายจารุพงศ์  กล่าวภายหลังรับหนังสือจากเครือข่ายฯว่า  เห็นด้วยกับข้อเสนอของเครือข่ายอย่างยิ่ง และจะสั่งการเร่งด่วนไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัดให้เข้มงวดข้อกฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการจัดงานประเพณีลอยกระทง  รวมถึงประเพณีงานบุญต่างๆ  เพื่อให้ทุกจังหวัดทำงานอย่างเอาจริงเอาจังและเข้มแข็งควบคุมปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสถานบันเทิงผับ บาร์ ก็จำเป็นต้องเข้มงวดด้วย

 

 

ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code