ภาคใต้ครองแชมป์สิงห์อมควัน
ปัตตานียอดนักสูบสูงสุด
ศูนย์วิจัยบุหรี่เผยภาคใต้มีปัญหาการระบาดของบุหรี่รุนแรงกว่าภาคอื่น โดยเฉพาะที่ปัตตานี-สุราษฎร์ธานี-สตูล ยอมรับ 7 มาตรการแก้ปัญหาไม่คืบ
ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ภาคใต้มีปัญหาการระบาดของบุหรี่รุนแรงกว่าภาคอื่น จากการสำรวจความชุกของการบริโภคยาสูบในภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด เมื่อปี 2550 พบว่าเยาวชนชาย 16-20 ปี สูบบุหรี่ร้อยละ 21.8 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 16.2 ขณะที่การสำรวจในรายจังหวัด เพศชายอายุ 11 ปีขึ้นไป พบว่าอัตราการสูบบุหรี่สูงสุด ได้แก่ ปัตตานี ร้อยละ 42.7 สุราษฎร์ธานี ร้อยละ 41.4 สตูล ร้อยละ 40.8 และยะลา ร้อยละ 28.2 อีกทั้งปัญหาขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมบุหรี่พยายามขยายตลาดและส่งเสริมการบริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ
จากปัญหาดังกล่าว เพื่อเฝ้าระวังการระบาดและปรับมาตรการแนวทางในการควบคุมให้ทันต่อเหตุการณ์และการคุกคามจากอุตสาหกรรมบุหรี่ ศจย.ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ (วพส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมนักวิจัยเชิงนโยบายและประเมินผลด้านการควบคุมยาสูบในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมโกลเด้นคราวน์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อระดมนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านบุหรี่ในภาคใต้ มาร่วมแลกเปลี่ยนทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้การสูบบุหรี่ลุกลาม
ดร.ศิริวรรณกล่าวว่า จากการประเมิลผลการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา 7 เรื่อง ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังสถานการณ์ 2.การแก้ปัญหาโดยใช้มาตรการทางภาษี และการรับมือภาวะคุกคามที่มาจากการค้าเสรี 3.รูปแบบการเลิกบุหรี่ในระดับต่างๆ 4.ควบคุมผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ ของบุหรี่ 5.งานวิจัยเชิงพฤติกรรม สังคมและการสื่อสาร 6.มาตรการรับมือกับบุหรี่มวนเอง และ 7.การประเมินนโยบายการควบคุมยาสูบ
ทั้ง 7 ประเด็น พบว่ายังขาดความรู้การศึกษาวิจัย อาทิ การแก้ปัญหาในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จำเป็นที่นักวิชาการ-นักวิจัยต้องร่วมกันศึกษาค้นคว้าเรื่องของบุหรี่อย่างจริงจัง โดย ศจย.พร้อมสนับสนุนและนำข้อมูลที่ได้ผลักดันเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปปรับใช้ให้สอดรับแผนควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ พ.ศ.2553-2557 ที่ระบุว่า ภายในปี 2557 ต้องลดจำนวนการสูบบุหรี่ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปให้เหลือร้อยละ 19.2 นอกจากนี้ ต้องควบคุมไม่ให้จำนวนการสูบบุหรี่ชนิดอื่นเพิ่มขึ้น และลดการได้รับควันบุหรี่มือสองของประชาชนลงเหลือร้อย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update: 22-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อภิชัย วรสิทธิ์ขจร