“พ่อเลิกเหล้าเถอะนะ หนูไม่อยากอยู่คนเดียว”
เสียงสวรรค์ ทำคนขี้เหล้า ถูก “น้ำเมา” ครอบงำ ตาสว่าง
“เหล้า” อบายมุขอันดับต้นๆ ที่คนเรามักตกเป็นทาสของมันได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะด้วยความอยากลอง เพื่อนชวน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่มัน คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่ามันไม่มีผลดีต่อสุขภาพเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงกินมันอยู่ จนบางคนกลายเป็น “คนขี้เหล้า” และเมื่อติดแล้วก็ย่อมเป็นเรื่องที่ยากนักที่จะให้เลิกมัน
“ขยะข้างถนน” ชื่อที่ผู้ที่รู้จักหรือพบเห็นใช้เรียก พี่เจี๊ยบ หรือนายวีระนันท์ โพธิสุวรรณ ปัจจุบันประกอบอาชีพมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ผู้ที่ตกเป็นทาสของเหล้ามาหลายปี แต่ก่อนพี่เจี๊ยบไม่ใช่คนที่ติดเหล้า และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย แต่ต้นเหตุของการได้ลิ้มลองเหล้านั้นมาจาก ตอนนั้นเป็นช่วงกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่วัดเจ้ามูล หลังเลิกเรียนพี่เจี๊ยบจะมีหน้าที่คอยไปซื้อเหล้าให้รุ่นพี่ทุกวัน จนทำให้ตนเองเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “มันอร่อยหรอ ถึงกินกันได้ทุกวันเลย” ด้วยความอยากรู้อยากลอง พี่เจี๊ยบจึงตัดสินใจที่จะลองขอรุ่นพี่ดื่ม นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ชีวิตอันเลวร้ายของพี่เจี๊ยบ
เหตุผลที่ทำให้พี่เจี๊ยบถูก “น้ำเมา” ครอบงำ นั่นคือ
“ผมชอบที่จะมีเพื่อนเยอะๆ เวลาตั้งวงกินเหล้าก็จะมีเพื่อนๆ มานั่งกินด้วย บางวันก็มีเพื่อนของเพื่อนมากินด้วยทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นไปในตัว และอีกอย่างเวลาเหล้าเข้าปากไปแล้ว การคุยกันในวงมันมักจะสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ ในตอนนั้นผมรู้สึกมีความสุข”
พี่เจี๊ยบกินมันมาเป็นตลอดระยะเวลาหลายปี จนเรียกได้ว่าเป็น “คนติดเหล้า” แล้ว
“ในช่วงที่ติดเหล้าแรกๆ ผมจะกินเหล้าเถื่อน แต่หลังๆกินแล้วมันรู้สึกร้อนท้อง เลยหันมากินพวกเหล้าแสงโสมหรือหงส์ทองแทน เวลากินแล้วไม่มีครั้งไหนที่ไม่มีเรื่องกับคนอื่นเลย มีเงินเท่าไหร่ซื้อเหล้ากินได้จนหมด เพื่อนไม่มีเงิน ไม่เป็นไร เรามีเดี๋ยวเราออกเอง ใจใหญ่”
ด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา ทำให้พี่เจี๊ยบถูกสังคมรังเกียจ ผู้คนในหมู่บ้านหมดความเชื่อถือในตัว ภรรยาคนแรกก็ทนไม่ได้ จนต้องพาลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ภรรยาคนที่ 2 ก็หนีไปทิ้งลูกสาวไว้ให้เลี้ยง เงินก็ไม่พอใช้ต้องไปขอยืมจากเพื่อน แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พี่เจี๊ยบกินเหล้าจนเสียสติ หลายครั้งหลายคราวที่ไปนอนอยู่ข้างถนน เก็บขยะกิน เป็นที่รังเกียจของผู้คนที่พบเห็น และพวกเขาเรียกพี่เจี๊ยบว่า “ขยะข้างถนน”
เหตุผลที่ทำให้พี่เจี๊ยบคิดที่จะหันหลังให้กับน้ำเมานั่นคือคำพูดของคนข้างกายที่พี่เจี๊ยบเหลืออยู่ และรักที่สุด นั่นก็คือ ลูกสาววัย 8 ขวบที่ภรรยาเก่าทิ้งไว้ให้พี่เจี๊ยบเลี้ยง “พ่อเลิกเหล้าเถอะนะ หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” นั่นเป็นคำพูดของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่อย่างพี่เจี๊ยบถึงอึ้ง!! และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผู้ชายขี้เหล้าอย่างพี่เจี๊ยบ
“ในวันที่ลูกผมพูดคำนั่น มันทำให้ผมหยุดคิด ว่าถ้าผมเป็นอะไรไปแล้วลูกผมจะอยู่ยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลูกผมอยากได้ของเล่น อยากกินขนม ผมไม่มีปัญญาที่จะซื้อให้ เนื่องจากไม่มีเงิน เพราะผมเอาเงินไปซื้อเหล้าหมด ผมสงสารลูก จึงทำให้ผมคิดที่จะเลิกเหล้าให้ได้เพื่อลูกของผม”
คนที่ติดเหล้าอย่างงอมแงม ย่อมเป็นเรื่องที่ยากที่จะเลิก แต่สำหรับพี่เจี๊ยบเพื่อลูกต้องทำให้ได้
“ในช่วงที่เลิกนั้น เวลาเห็นคนอื่นเค้ากินเหล้า บอกตรงๆๆว่าอยากกินมาก มือสั่น ตัวสั่น เหมือนคนลงแดง แต่ผมต้องอดทน ผมคิดถึงลูกอยู่เสมอ ผมต้องเลิกมันให้ได้ ผมได้ไปจุดธูปสาบานที่วัดสระเกศถ้าผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหล้าอีก ขอให้ผมมีอันเป็นไป”
ชีวิตพี่เจี๊ยบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากเลิกเหล้าได้สำเร็จ
“หลังจากที่ผมเลิกเหล้าได้สำเร็จ ผมมีเงินเหลือเก็บ มีให้ลูกไปโรงเรียน ลูกอยากกินอะไร ซื้อให้ได้หมดทุกอย่าง อยากได้ของเล่นก็มีเงินซื้อให้ ส่วนตัวผมจากแต่ก่อนที่เหนื่อย ขับมอเตอร์ไซต์บางวันมีอาการหน้ามืด แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอาการหน้ามืดให้เห็น และรู้สึกร่างกายมีกำลังมากขึ้น คุณภาพชีวิตของผมดีขึ้นอย่างชัดเจน ผู้คนรอบข้างผม กลับมาพูดคุย เชื่อถือในตัวผมอีกครั้ง และผมก็ดีใจที่ผมสามารถเลิกมันได้จริงๆ”
แต่การที่พี่เจี๊ยบหันหลังให้กับเหล้านั่น ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อนที่เคยตั้งวงกินเหล้าด้วยกันจะเลิกไปด้วย พวกเขาก็ยังคงกินกันอยู่เหมือนเดิมและก็ไม่ลืมที่จะชวนพี่เจี๊ยบไปร่วมวงเหมือนเคย
“เวลาเพื่อนๆชวนไปสังสรรค์ ผมก็ไปนะ แต่ผมไม่กิน จะกินแต่แกล้ม น้ำเปล่า ส่วนเงินที่หารกันในวงเหล้านั้นผมก็ช่วยออกเหมือนเดิม ปัจจุบันผมก็คงยังมาสังสรรค์เป็นปกติกับเพื่อนๆ เพราะการที่ผมเลิกเหล้าไม่ได้หมายความว่าผมเลิกคบเพื่อนกลุ่มนั่นไปด้วย”
เมื่อชีวิตของพี่เจี๊ยบเริ่มดีขึ้น ก็มีความคิดที่อยากจะให้ผู้ที่กำลังติดเหล้าทั้งหลาย เลิกได้เหมือนตนเอง เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด สำคัญอยู่ที่ “ใจ”
ชีวิตของพี่เจี๊ยบหลังจากหันหลังให้กับน้ำเมาทุกชนิด ก็มีแต่แต่ความสุขตลอดมา จากคนที่ถูกเรียกว่าเป็น “ขยะข้างถนน” กลับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!! แต่ก็ต้องเชื่อ
เริ่มต้นวันนี้ก็ยังไม่สายสำหรับผู้ที่ติดเหล้า ตั้งใจจริง เลิกได้แน่นอน………
เขียนโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่ team content www.thaihealth.or.th
update:22-09-51