พ่อเมืองเชียงใหม่ห่วงหมอกควัน เตือนประชาชนงดเว้นการเผาทุกชนิด

หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมใดๆที่ก่อให้เกิดหมอกควันทุกประเภท เช่น จุดธูปเทียน เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า และสูบบุหรี่

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อลมหนาวพัดมา อากาศก็หนาวเย็น เรียกว่าเป็นฤดูหนาวของเชียงใหม่และล้านนาเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยได้ง่าย แต่ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ยังทำให้หลายพื้นที่มีความแห้งแล้งและปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือปัญหาหมอกควัน ซึ่งนับเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยสาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า ฝุ่นละอองจากถนน การก่อสร้าง และเขม่าจากน้ำมันดีเซลทำให้คุณภาพอากาศต่ำลงอย่างมากประกอบกับสภาพภูมิประเทศซึ่งมีภูเขาสูงล้อมรอบ ทำให้มลพิษต่างๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมทั่วเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนผู้ที่อยู่ในที่โล่งนานๆ มีอาการแสบตาตาแดง น้ำตาไหล คอแห้ง ระคายคอหายใจติดขัด เหนื่อยง่าย และแน่นหน้าอก จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ มีการวิเคราะห์ไฟป่าที่เกิดแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก ไฟที่จำเป็น เกิดจากวิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่นของผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สูง เพื่อทำเกษตรกรรม ชาวบ้านจะเผาเพื่อเปิดพื้นที่ และล้อมแนวกันไฟเพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลามเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว บรรดาพันธุ์ไม้ต่างๆ ก็จะขึ้นรกเป็นป่า แล้วดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนมา ลักษณะที่สอง ไฟป่าที่ไม่จำเป็น เกิดจากผู้ที่ลักลอบ แสวงหาผลประโยชน์ไม่ว่าปลูกพืชไร่ ถางหาของป่า ที่อาศัยช่วงเวลากลางคืนจุดไฟแล้วปล่อยทิ้งจนไม่สามารถควบคุมได้

ดังนั้น วิธีการปฏิบัติของประชาชน จึงควรงดเว้นการเผาวัสดุทุกชนิดและหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมใดๆที่ก่อให้เกิดหมอกควันทุกประเภท เช่น จุดธูปเทียน เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า และสูบบุหรี่ เป็นต้น ในการกำจัดขยะให้ใช้วิธีฝังกลบแทนการเผา เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควัน รวมทั้งจัดระบบการจัดเก็บและคัดแยกขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี ควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะมูลฝอยในเขตชุมชน และบริเวณริมข้างทางโดยเด็ดขาด จังหวัดขอความร่วมมือร่วมใจจากผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่นกำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยกันปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนหยุดทำการเผาเศษไม้ เศษขยะ และตอซัง โดยขอความร่วมมือให้นำมาทำปุ๋ยอินทรีย์โดยใช้เครื่องบดและนำมาหมักทำปุ๋ยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในฐานะที่บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน จึงสมควรทำหน้าที่สวมหมวกเป็น “ครู”ให้กับชุมชนพร้อมกันไปด้วย ตลอดจนร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่ป่าไม้ หากพบเห็นการลักลอบ เผาป่า การทำไร่เลื่อนลอยให้แจ้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอย่างเข้มงวด นักท่องเที่ยวควรเพิ่มความระมัดระวังในการจุดไฟในป่าและดับไฟให้สนิททุกครั้งที่ก่อกองไฟ ไม่ทิ้งก้นบุหรี่ในพงหญ้าแห้ง เพราะหากเกิดเพลิงไหม้จะลุกลามอย่างรวดเร็วและยากต่อการควบคุม ส่วนการเตรียมพื้นที่การเกษตรขอให้เกษตรกรใช้วิธีไถหรือฝังกลบวัชพืชแทนการเผา หากจำเป็นต้องเผาพื้นที่การเกษตรควรจัดทำแนวกันไฟ และควบคุมการเผาอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เพื่อป้องกันไฟลุกลาม แนวทางปฏิบัติเหล่านี้จึงสมควรที่ทุกภาคส่วนรวมถึงสถานศึกษาจะต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้รับทราบอย่างกว้างขวางและทั่วถึง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน และภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่เราทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันดำรงรักษา หากทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้เกิดหมอกควันได้ปัญหานี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แล้วปัญหาอื่นๆ อย่างเช่น ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการจราจร รวมถึงปัญหาการท่องเที่ยวก็จะไม่เกิดขึ้นตามมา เราจึงควรมาร่วมมือร่วมใจหยุดการเผาป่า เพื่อลดปัญหาหมอกควันกันเสียที เริ่มต้นปีใหม่ของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดเชียงใหม่

ร่วมมือ ร่วมใจ อากาศสดใส เชียงใหม่ไร้หมอกควัน…การเผาทุกชนิดทำลายชีวิตและผิดกฎหมาย…ไฟมา ป่าหมด… แล้วเราชาวเชียงใหม่จะมีความสุขในการดำรงชีวิตอย่างไรกัน

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ