‘พักเหล้า’ คืน ‘สุขภาพ’ เพื่อตนเอง
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ช่วงเวลาเข้าพรรษา 3 เดือนเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจให้เวลาตับได้ 'พัก' แล้วจะรู้ว่าการอยู่ห่างจากแอลกอฮอลล์ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้จริงๆ
เมื่อการ "งดเหล้าเข้าพรรษา" กลายเป็นสิ่งที่สังคมเห็นร่วมกันว่า ไม่ใช่แค่เรื่องบุญกุศล แต่เป็นค่านิยมใหม่ที่ใคร ต่อใครต่างยอมรับ เพราะปัญหาจากการดื่มเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งสร้างความรำคาญ ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ กระทั่งการก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ ปัญหา และความเสี่ยงในวงจรเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่การเปลี่ยนค่านิยมของสังคม ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนอย่างที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ทำงานต่อเนื่องมากว่า 13 ปี ทำให้โครงการสามารถต่อยอดจาก งดเหล้าเข้าพรรษา ไปสู่การงดเหล้าครบพรรษา และเดินทางต่อไปสู่ประเพณีงดเหล้า งานบุญงดเหล้า โดยฟันเฟืองสำคัญในเรื่องนี้ คือ ชุมชน และครอบครัว โดย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ชุมชนที่จมอยู่ก้นขวดเหล้าพบว่า น้ำเมาเป็นเหมือนใบเบิกทางอันนำไปสู่อบายมุขชนิดอื่นๆ เรื้อรังไปฉุดครอบครัวให้แตกแยก จากความรุนแรง และหนี้สิ้นโดยมีเด็กเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์วนเวียนไม่สิ้นสุด
ดังนั้น การทำงานผ่านความร่วมมือกับชุมชน ที่ประกอบไปด้วย ผู้นำชุมชน ผู้นำทางศาสนา ร้านค้า คนต้นแบบ สร้างเครือข่าย และเปลี่ยนแปลงสังคมของพวกเขาอย่างได้ผล ทำให้ชาวบ้านประหยัดเงิน มีรายได้กลับมา ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนอยู่กันอย่างมีความสุข
คนสู้เหล้าเพียง 3 ปี การขับเคลื่อน "ชุมชนคนสู้เหล้า" ก็เริ่มขยายผลไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว โดยมีชุมชนรูปธรรมแล้ว 623 แห่ง ชุมชนแหล่งเรียนรู้ในปี 2558 จำนวน 10 แห่ง ก่อนที่ปี 2559 จะขยายในทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 แห่ง และมีชุมชนวิจัย 4 แห่ง ที่จัดทำบทเรียนขยายผลเพื่อพิสูจน์ให้เห็นเชิงประจักษ์
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้เดินหน้าไปอย่างแข็งขันอยู่ที่ "คนต้นแบบ"
หลายคนเคยเมาเละเทะจนไม่มีคนในชุมชนสนใจมาก่อน แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการเอาชนะตัวเอง เปลี่ยนเป็นคนใหม่ครอบครัวอบอุ่น ก็ทำให้อีกหลายคนหันมามองด้วยความสนใจและอยากเอาเป็นตัวอย่าง
อย่าง พรณรงค์ ปั้นทอง ประธานศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ลด ละ เลิก เหล้า ลดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กบ้านคำกลาง ต.โนนหนามแท่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ อีกคนหนึ่งที่เคยติดเหล้าชนิด "เมาหัวราน้ำ" มาตั้งแต่มีบัตรประชาชนใบแรก
ถึงเจ้าตัวมีรายได้ทั้งจากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้คุมงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2530 ทำให้เดือนหนึ่งมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท แต่เม็ดเงินเรือนหมื่นนั้นก็ถูกเหล้าละลายหายไปหมด
"ผมดื่มหนักจนที่ว่า เมาหัวราน้ำเลย ดื่มหนักจนถึงขั้นทะเลาะวิวาท ชกต่อย เมาแล้วก็ขับ สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุมีครั้งหนึ่งหนักถึงขั้นนิ้วเท้าเกือบขาดจากการขับมอเตอร์ไซค์ชนกับรถบรรทุก แต่ก็ยังไม่เลิกดื่ม"
ด้วยความเป็นห่วง แม่และพี่สาวจึงจัดการให้พรณรงค์เป็นฝั่งเป็นฝา แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของเขาดีขึ้น ถึงสิ้นเดือนเขามีเงินให้ภรรยาเก็บมากสุดไม่เกิน 1,000 บาท
"เลวร้ายขนาดไม่มีเงินจ่ายค่าหมอให้เมียคลอดลูก ต้องพาเขากลับไปคลอดที่บ้าน" อดีตปีศาจสุราวัย 51 ปีเล่า
จากชีวิตติดลบ เขาได้ร่วมโครงการกับมูลนิธิเพื่อนหญิง เข้ามาทำงานวิจัยเรื่องลดความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนก็เริ่มตาสว่าง เมื่อมีโครงการรณรงค์งดเหล้าเขาจึงตัดสินใจ "หักดิบ" หันหลังให้กับขวดเหล้าอย่างเด็ดขาดจนวันนี้ พรณรงค์ได้งานที่สามารถเลี้ยงชีพอย่างมั่นคง มีครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งเขายอมรับว่านี่คือการได้ชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
ชุมชน 'นอน,แอลกอฮอล์'
"การชักชวนให้คนที่ติดเหล้าในหมู่บ้านเลิกเหล้านั้น เริ่มจากการเข้าไปพูดคุยกับเขาบ่อยๆ และชักจูง โดยไม่มีการ "บังคับ" เด็ดขาด เพราะคนเราจะไม่ชอบการถูกบังคับ และกรรมการหมู่บ้านจะพูดคุย ให้กำลังใจต่อเนื่อง" นี่เป็นหลักคิดสำคัญสำหรับ มาโนช ช่างพินิจผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านหัวแท ต.บ้านกร่างอ.เมือง จ.พิษณุโลกในการทำให้ผู้คนในชุมชนของเขามองเห็น "คุณค่า" ในตัวเอง มากกว่า "ขวดเหล้า"
"บ้านหัวแท" แห่งนี้มีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 800 คน ที่ผ่านมาคนในหมู่บ้านมีการติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือติดเหล้าจำนวนมาก ทุกวันหลังเลิกงานก็ไปตั้งวงกินเหล้ากับเพื่อนไม่กลับบ้านหาลูกเมีย บางรายหนักถึงขนาดที่ว่า ตื่นเช้ามาก็เมาหัวราน้ำ
สิ่งที่มาโนชพบเมื่อได้เข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ก็คือ ปัญหาเหล่านี้เริ่มลุกลาม และรุนแรงจึงอยากพัฒนานำสิ่งดีๆ เข้ามาในหมู่บ้าน เขาจึงพยายามผลักดันให้เกิดโครงการชักชวนให้เลิกเหล้าเลิกจน ครอบครัวมีสุข มาตั้งแต่ปี 2554 โดยต่อยอดมาจากโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เพราะเขารู้สึกว่า งดเหล้าเข้าพรรษาก็เพียงแค่ระยะเวลาประมาณ3 เดือน ในเมื่อเลิก 3 เดือนได้ ทำไมไม่เลิกต่อไปจนตลอดชีวิต
"ประเด็นสำคัญของการเลิกเหล้าไปให้ได้ตลอดนั้นคือ มีการติดตามและให้กำลังใจผู้ที่จะเลิกเหล้าสม่ำเสมอ และยกย่องเชิดชูบุคคลที่ทำได้สำเร็จให้เป็นบุคคลต้นแบบ ก็จะเป็นการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ตัวเขา และผู้นำ แกนนำชุมชนเอง ก็ต้องเป็นตัวอย่างด้วย" ผลที่ได้จากการดำเนินโครงการมาจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านหัวแทมีคนติดเหล้าสามารถเลิกเหล้าได้แล้วรวมกันถึง 65 คน คาดว่า ช่วยให้ประหยัดได้ถึง2.5 แสนบาทต่อเดือน หรือประมาณ2 ล้านกว่าบาทต่อปี ซึ่งการเลิกเหล้าทำให้คนในหมู่บ้านมีเงินเก็บมากขึ้นฐานะทางครอบครัวก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ดีขึ้นที่สำคัญสุขภาพร่างกายก็ดีขึ้นด้วย ผลพลอยได้จากการทำโครงการเลิกเหล้านั้นทำให้ในชุมชนปลอดการทะเลาะวิวาท ปลอดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ไม่มีเด็กแว้น และไม่มียาเสพติดไปด้วย ที่สำคัญ คือ คนต้นแบบที่เลิกเหล้าได้สำเร็จ เมื่อได้เป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ๆ บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ผ่านมาได้ ก็ยิ่งสร้างความภูมิใจและอยากทำดีต่อไป
พักตับ ปรับสมดุล
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ได้สำรวจเมื่อปี 2558 พบว่ามีประชาชนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าร่วมโครงการงดเหล้าราว 13 ล้านคนเศษหรือคิดเป็น 72.5 เปอร์เซ็นต์ โดย 5.6 ล้านคนหรือ 31.8 เปอร์เซ็นต์ สามารถงดดื่มได้ตลอดทั้งพรรษา อีก 6 ล้านคน หรือ 24.4 เปอร์เซ็นต์ ลดหรืองดได้เป็นช่วงๆ
นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณคนที่เข้าร่วมกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษามีความเปลี่ยนแปลงและได้ประโยชน์จากการงดเหล้าเข้าพรรษาในหลายเรื่อง 63 เปอร์เซ็นต์ สุขภาพดีขึ้น36 เปอร์เซ็นต์ สุขภาพจิตดีขึ้นประหยัดเงิน 1,432.2 บาทต่อคน ประเทศประหยัด 9,917 ล้านบาท หรือจากข้อมูลอุบัติเหตุย้อนหลัง3 ปีในช่วงเข้าพรรษาก็สะท้อนผลจากการงดเหล้าอย่างชัดเจน อุบัติเหตุลดลง 150-240 ครั้งต่อเดือน บาดเจ็บจากอุบัติเหตุลดลง 210-300 รายต่อเดือน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลง 36-60 รายต่อเดือน
แต่ตัวเลขที่สำคัญกับสุขภาพที่สุดหากถอยห่างจากขวดเหล้าก็คือ "ตับ" เพราะตับเปรียบเสมือนโรงงานกำจัดของเสียในร่างกาย ซึ่งปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ตับสามารถทำลายพิษจากสุราได้ในปริมาณเล็กน้อย แต่หากตับได้รับมากกว่านั้น ก็จะเกิดการทำลายเซลล์ตับขึ้น เมื่อเซลล์ถูกทำลายมากๆ ก็จะเกิดการอักเสบ และกลายเป็นตับแข็ง และเดินทางไปสู่โรคมะเร็งตับในที่สุด เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่ร่างกายสร้างมาให้มีเซลล์เผื่อไว้ประมาณ 3 เท่า เพราะต้องรับศึกหนักกว่าอวัยวะส่วนอื่น เมื่อเซลล์ตับโดนทำลายแรก ๆ จึงไม่มีอาการใดๆ ให้รู้ตัว จนกระทั่งเมื่อเซลล์ตับเหลือน้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์จึงจะเริ่มมีอาการ และเมื่อน้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ก็จะเกิดอาการตับวาย
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคมโรงพยาบาลน่าน ได้ทำการตรวจเอนไซม์ตับของประชากรในพื้นที่ ซึ่ง จ.น่านถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีประชากรดื่มสุราเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่สำคัญพบว่าผู้ชายจังหวัดน่านช่วงอายุ 40-60 ปี มีการเสียชีวิตสูงมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า
การงดเหล้าเข้าพรรษา น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการคืนสุขภาพให้กับตัวเอง ทำให้ตับได้พัก และยังทำให้สังคมให้ความชื่นชม ครอบครัวมีความสุขจึงถือก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งสังคมในขั้นต่อไป
3 ขั้น สู่การเลิกเหล้า
กำหนดเป้าหมาย เข้าพรรษาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว เพียงแค่คุณใส่เป้าหมายเข้าไปให้ชัดว่า จะเลิกเพื่อตัวเอง เพื่อตับ เพื่อคนที่รักตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อเสริมความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเอง เพราะคนเรานั้นหากตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะทำอะไรยากสักเพียงไหนก็จะทำได้ในที่สุด
วางแผน ก่อนถึงวันเข้าพรรษาตามที่ตั้งใจ ควรค่อย ๆ ลดปริมาณการดื่มลง ให้น้อยลงเรื่อยๆ เพื่อป้องกันอาการขาดเหล้าอย่างเฉียบพลัน
ลงมือทำอย่างจริงจัง การจะไปถึงเป้าหมายได้ จะต้องเริ่มเดินก้าวแรกก่อน และเดินก้าวต่อๆ ไปอย่างมั่นคง อย่าลังเลว่าจะทำสิ่งนั้นแล้วจะเป็นจริงได้
ปฏิเสธให้เป็น คนดื่มบางครั้งก็เป็นไปเพราะสังคม กลุ่มเพื่อน ที่คอยชวน เข้าพรรษาแบบนี้เป็นโอกาสดีที่จะบอกใคร ๆ ว่า เข้าพรรษาไม่ดื่มเชื่อว่าใคร ๆ ก็เข้าใจเหตุผลนี้
เปลี่ยนกิจกรรม บางคนดื่มจนเคยชิน เลิกดื่ม 3 เดือน ลองหันไปทำกิจกรรมอื่น เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว ทำสิ่งที่ไม่เคยทำในวงเหล้าดูบ้าง
สุขง่ายๆ กับสิ่งใกล้ๆ ตัว ลองมองโลกแบบที่ไม่เคยมองหาเรื่องใกล้ๆ ตัวมาเปลี่ยนเป็นความสุขให้เจอ เช่น ตื่นเช้าด้วยสภาพไม่แฮ้งค์ ไม่มึน แค่นี้ก็เปลี่ยนเป็นความสุขในแต่ละวันได้เช่นกัน
พักเพื่อฟื้น ในช่วง 3 เดือนที่พักตับ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ซ่อมแซมร่างกายหลังใช้มาหนัก ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำใจให้สบาย ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ
อย่าท้อ อย่าโทษตัวเอง ไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่ทำให้แผน ไม่เป็นไปตามแผน อย่ามัวโทษตัวเอง แต่ให้ลุกขึ้นแล้วเริ่มต้นใหม่ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสายด่วน 1413 ก็ช่วยท่านได้